KEY
POINTS
นายจาง เจี้ยนเว่ย เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ปาฐกถาเปิดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ “มองจีนยุคใหม่: สิ่งที่สื่อมวลชนไทยควรรู้” ครั้งที่ 7 ณ โรงแรมเบสท์ เวสเทิร์น จตุจักร ซึ่งจัดโดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน และเพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประเทศจีนในมิติที่รอบด้านแก่สื่อมวลชนไทย
เอกอัครราชทูตจีน กล่าวตอนหนึ่งว่า ปีนี้เป็นปีสุดท้ายของ “แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 14” ของจีน และปีหน้าจะเริ่มต้น “แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 15” ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญนี้ จีนได้มีการจัดประชุมเต็มคณะครั้งที่ 4 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ ชุดที่ 20 ระหว่างวันที่ 20–23 ตุลาคมที่ผ่านมา ณ กรุงปักกิ่ง
โดยที่ประชุมได้ผ่านมติ “ข้อเสนอของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนว่าด้วยการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 15”
ที่ประชุมมีข้อสรุปว่า “แผนฉบับที่ 14” ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ โดยเป็นช่วงที่การพัฒนาของจีนอยู่ในภาวะที่ไม่ปกติอย่างยิ่ง แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ซับซ้อน และมีภารกิจการปฏิรูป การพัฒนา และการรักษาเสถียรภาพภายในประเทศที่หนักหน่วง
แต่ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยมีท่านสี จิ้นผิง เป็นแกนกลาง จีนสามารถรับมือกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และความท้าทายร้ายแรงต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ศักยภาพทางเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตลอดจนศักยภาพโดยรวมของประเทศก้าวสู่ระดับใหม่ ความทันสมัยแบบจีนก้าวหน้าไปอีกขั้น และเริ่มต้นการเดินทางใหม่เพื่อบรรลุเป้าหมายแห่งศตวรรษที่สองอย่างมั่นคง
ที่ประชุมยังได้กำหนดเป้าหมายหลักของ “แผนฉบับที่ 15” ได้แก่ การพัฒนาคุณภาพสูงเห็นผลชัดเจน การยกระดับความสามารถในการพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว การเพิ่มการปฏิรูปเชิงลึกให้บรรลุผลใหม่ ๆ การยกระดับทางวัฒนธรรมและอารยธรรมในสังคม การปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาประเทศจีนที่สวยงามมีความก้าวหน้าที่สำคัญ และการสร้างเกราะป้องกันให้กับความมั่นคงของชาติมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ซึ่งจีนต้องต่อสู่บนพื้นฐานเหล่านี้ต่อไปอีก 5 ปี
และเมื่อถึงปี 2035 จีนจะบรรลุความยิ่งใหญ่ ทั้งศักยภาพทางเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ความมั่นคง ความเข้มแข็งในภาพรวม และบทบาทในเวทีโลก รายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชาชนจีนจะเทียบเท่ากับประเทศที่พัฒนาในระดับปานกลาง ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีและมีความสุข และบรรลุความทันสมัยโดยทั่วไปตามแบบของระบอบสังคมนิยม
ในโอกาสนี้ ขอใช้เวทีนี้แนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่ทุกท่านกำลังสนใจ เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์การพัฒนาเศรษฐกิจของจีนในปัจจุบัน ดังนี้
ทำไม “แผน 5 ปี” จึงมีความสำคัญ แม้ “แผน 5 ปี” จะไม่ใช่สิ่งที่จีนคิดค้นขึ้นเป็นประเทศแรก แต่การที่สามารถดำเนินการอย่างต่อเนื่องยาวนานและบรรลุผลสำเร็จอย่างยิ่งนั้น ถือเป็นสิ่งที่หาได้ยากในโลก ตั้งแต่ปี 1953 เป็นต้นมา จีนได้ดำเนินแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมมาแล้ว 14 ฉบับ
“แผน 5 ปี” ได้กลายเป็นเครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์ในการชี้นำทิศทางการพัฒนาของประเทศ ผลักดันแนวปฏิบัติของการพัฒนาประเทศ และกำกับการพัฒนาของประเทศจีน ดังที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวไว้ว่า “การวางแผนอย่างเป็นระบบและดำเนินการตามแผนอย่างต่อเนื่อง คือประสบการณ์สำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในการบริหารประเทศ และเป็นข้อได้เปรียบทางการเมืองที่สำคัญของระบอบสังคมนิยมแบบจีน”
ความสำเร็จในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีอะไรบ้าง ตั้งแต่ “แผนฉบับที่ 14” เป็นต้นมา เศรษฐกิจจีนเติบโตทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เพิ่มขึ้นจาก 110 ล้านล้าน เป็น 120 ล้านล้าน และ 130 ล้านล้านหยวนตามลำดับ ซึ่ง 4 ปีแรกมีอัตราเติบโตเฉลี่ย 5.5% และคาดว่าตลอด 5 ปีจะขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 35 ล้านล้านหยวน ปีนี้คาดว่า GDP จะสูงถึงราว 140 ล้านล้านหยวน
จีนมีส่วนช่วยต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกมากถึงประมาณ 30% มาเป็นเวลานาน ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลก
จีนกลายเป็นแหล่งบ่มเพาะนวัตกรรมของโลก โดยอยู่ใน 10 อันดับแรกของดัชนีนวัตกรรมโลก และกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการพัฒนานวัตกรรมที่เร็วที่สุดของโลกในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีการเปิดตัวอุปกรณ์หนัก เช่น เรือบรรทุกเครื่องบิน “ฝูเจี้ยน” สถานีอวกาศจีน เครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่แบรนด์จีน เป็นต้น
รวมถึงนวัตกรรมชั้นนำอย่างปัญญาประดิษฐ์ การสื่อสารควอนตัม ฯลฯ ก็ประสบความสำเร็จมากมาย อุตสาหกรรมใหม่อย่างหุ่นยนต์และชีวเวชภัณฑ์ก็ได้รับการบ่มเพาะอย่างรวดเร็ว กลายเป็นต้นแบบด้านเทคโนโลยีและรูปแบบทางการตลาดสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมเกิดใหม่ของโลก
จีนกลายเป็นผู้นำโลกด้านการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว ในช่วง 4 ปีแรก จีนสามารถรักษาอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยปีละ 5.5% ด้วยอัตราการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเพียงปีละ 4.7% ความเข้มข้นของการใช้พลังงานลดลงสะสมถึง 11.6% นับเป็นหนึ่งในประเทศที่ลดความเข้มข้นในการใช้พลังงานได้รวดเร็วที่สุดในโลก
ในปัจจุบัน พลังงานไฟฟ้าที่ประชาชนจีนใช้ทุก ๆ 3 หน่วย จะมี 1 หน่วยเป็นพลังงานสีเขียว ทำให้จีนกลายเป็นประเทศที่ใช้พลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดและเติบโตเร็วที่สุดในโลก
เคล็ดลับของความสำเร็จของการพัฒนาเศรษฐกิจจีนคืออะไร หากมองย้อนกลับไปในเส้นทางการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนยุคใหม่ ภายในเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา จีนได้เปลี่ยนแปลงจากประเทศที่ยากจนและล้าหลังขั้นสุดขีด มาเป็นประเทศที่มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวมากกว่า 13,000 ดอลลาร์สหรัฐ มีสัดส่วนมูลค่าเพิ่มในภาคการผลิตเกือบ 30% ของโลก และมีความแข้งแกร่งโดยรวมในระดับแนวหน้าของโลก
เหล่านี้นับเป็นปาฏิหาริย์แห่งการพัฒนาที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้เกิดขึ้นได้เพราะจีนมีพรรคคอมมิวนิสต์เป็นผู้นำอย่างเข้มแข็ง พรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำในการกำหนดทิศทางและประสานงานทุกภาคส่วน เพื่อชี้นำการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
การที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนบริหารประเทศอย่างต่อเนื่อง เปรียบเหมือน “สมอแห่งเสถียรภาพ” ที่สำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนในระยะยาว ระบบทฤษฎีของพรรคคอมมิวนิสต์จีนมีการพัฒนาตามยุคสมัยและมีการสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง โดยแนวคิดทางเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้เสนอแนวทางสำคัญหลายประการ เช่น “แนวคิดการพัฒนาสมัยใหม่” “โครงร่างการพัฒนาสมัยใหม่” และ “การพัฒนาพลังการผลิตคุณภาพใหม่” เป็นต้น ซึ่งเป็นการชี้แนวทางอย่างมีวิทยาศาสตร์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจีน
แนวโน้มการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนจะเป็นอย่างไร ตั้งแต่ต้นปีนี้ เศรษฐกิจจีนก้าวหน้าอย่างมั่นคง โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในสามไตรมาสแรกเติบโต 5.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ท่ามกลางสภาวะที่แรงผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจโลกอ่อนแอ ลัทธิการกีดกันทางการค้าผงาด ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์รุนแรงขึ้น และการกระทบกระทั่งทางการค้าระหว่างประเทศเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ได้เผยให้เห็นถึงข้อได้เปรียบของเศรษฐกิจจีนอย่างชัดเจน นั่นคือ มีพื้นฐานที่มั่นคง มีความยืดหยุ่นที่เหนียวแน่น และมีศักยภาพอย่างใหญ่หลวง
เมื่อมองไปในอนาคต จีนยังมีศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างมหาศาล ไม่ว่าสภาพแวดล้อมภายนอกจะซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร นโยบายมหภาคของจีนยังคงยึดมั่นในหลักการ “ก้าวหน้าอย่างมั่นคง” การพัฒนาความทันสมัยแบบจีนคือการเดินทางที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งตามแผนที่วางไว้ เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของการพัฒนาเศรษฐกิจจีนคือยึดมั่นในการปฏิบัติตามพิมพ์เขียวฉบับเดียวให้ถึงที่สุด และเศรษฐกิจจีนจะรักษาเสถียรภาพอย่างมั่นคง
จีนมีประชากรกว่า 1,400 ล้านคน มีผู้มีรายได้ปานกลางมากกว่า 400 ล้านคน มีการบริโภคเกือบ 50 ล้านล้านหยวนต่อปี และมีการนำเข้ากว่า 20 ล้านล้านหยวนต่อปี ตลาดขนาดใหญ่ของจีนกำลังเปลี่ยนผ่านจาก “การตอบสนองความต้องการภายในประเทศจีน” เป็น “โอกาสของโลก”
การพัฒนาของเศรษฐกิจจีนจะเปิดกว้างและได้ประโยชน์ร่วมกันมากยิ่งขึ้น จีนสนับสนุนและยึดมั่นในระบบพหุภาคีนิยมอย่างแท้จริง ใช้ภูมิปัญญาจีนและแนวทางของจีนในการส่งเสริมให้โลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้อง จีนยืนหยัดที่จะรักษาความยืดหยุ่นและความมั่นคงของห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานของโลก เพื่อให้การสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งต่อวงจรของเศรษฐกิจโลก จีนกำลังส่งเสริม
"ข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" (Belt and Road Initiative - BRI) อย่างมีคุณภาพสูง และส่งมอบผลิตภัณฑ์สาธารณะและเวทีความร่วมมือที่สำคัญแก่ประชาคมระหว่างประเทศ จีนมุ่งมั่นที่จะขยายการเปิดกว้างในระดับสูงอย่างไม่ลดละ เพื่อสร้างโอกาสอย่างกว้างขวางให้กับการพัฒนาร่วมกันของทุกประเทศ