KEY
POINTS
Tax Foundation เปิดเผยผลการจัดอันดับ ดัชนีความสามารถในการแข่งขันด้านภาษีระหว่างประเทศ (International Tax Competitiveness Index) ประจำปี 2025 พบว่า “เอสโตเนีย” ครองอันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 11 จาก 38 ประเทศสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD)
เอสโตเนียชนะด้วยโครงสร้างภาษีเรียบง่าย โปร่งใส
จุดเด่นของเอสโตเนียอยู่ที่อัตราภาษีคงที่ 20% สำหรับกำไรของบริษัท ซึ่งจะถูกจัดเก็บเฉพาะเมื่อมีการจ่ายเงินปันผลเท่านั้น รวมถึงภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 20% ที่ไม่รวมรายได้จากปันผล ภาษีที่ดินที่จัดเก็บเฉพาะมูลค่าที่ดินไม่รวมสิ่งปลูกสร้าง และการยกเว้นภาษี 100%
ฝรั่งเศส–อิตาลี–โคลัมเบีย รั้งท้าย
ในทางกลับกัน ประเทศที่ได้คะแนนต่ำสุดในปีนี้ ได้แก่ ฝรั่งเศส อิตาลี และโคลอมเบีย ซึ่งมีอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีความมั่งคั่ง (Wealth Tax) ในระดับสูง โดยอิตาลียังถูกจัดอันดับต่ำจากภาษีการบริโภคและภาษีทรัพย์สินที่ซับซ้อนและเป็นภาระต่อภาคธุรกิจ
แม้ สหรัฐอเมริกา จะขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 15 จาก 16 เมื่อปีที่แล้ว ด้วยคะแนน 72.5 จาก 100 แต่ยังถือว่าอยู่เพียงระดับกลาง ปัจจัยบวกมาจากการปรับให้สามารถหักค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนในโรงงานและเครื่องจักรได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ยังคงได้คะแนนต่ำในภาษีทรัพย์สินและภาษีข้ามพรมแดน เนื่องจากยังจัดเก็บภาษีจากรายได้ทั่วโลกของบริษัทในระดับสูง แม้ทั่วโลกกำลังทยอยใช้กติกาภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำ
โครงสร้างภาษี กุญแจสู่ความสามารถแข่งขันเศรษฐกิจ
รายงานระบุว่า ประเทศที่มีระบบภาษีที่ “เป็นมิตรต่อธุรกิจ” และ “เรียบง่ายในการปฏิบัติตามกฎหมาย” มักจะดึงดูดการลงทุนและมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนกว่า
ทั้งนี้ การจัดอันดับพิจารณา 2 ปัจจัยหลักคือ ความสามารถในการแข่งขัน (Competitiveness) และ ความเป็นกลาง (Neutrality) ครอบคลุมภาษี 5 ประเภท ได้แก่ ภาษีนิติบุคคล ภาษีบุคคลธรรมดา ภาษีการบริโภค ภาษีทรัพย์สิน และภาษีข้ามพรมแดน
ที่มา Statista