ดาวโจนส์ปิดลบ 17.15 จุด นักลงทุนจับตาสถานการณ์การค้าจีน-สหรัฐฯ

16 ต.ค. 2568 | 00:41 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ต.ค. 2568 | 00:41 น.

ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 17.15 จุด นักลงทุนจับตาสถานการณ์ตึงเครียดการค้าจีนและสหรัฐอเมริกา ดัชนี S&P500 ปิดบวกรับผลประกอบการธนาคาร Morgan Stanley และ Bank of America

KEY

POINTS

  • ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนลบเล็กน้อยที่ 17.15 จุด สวนทางกับดัชนี S&P500 และ Nasdaq ที่ปรับตัวขึ้น
  • ปัจจัยบวกมาจากการรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของกลุ่มธนาคารและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับ AI
  • นักลงทุนยังคงกังวลและจับตาสถานการณ์ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนอย่างใกล้ชิด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเล็กน้อยในวันพุธ (15 ต.ค.) แต่ดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธนาคาร Morgan Stanley และ Bank of America 

ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ

  • ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 46,253.31 จุด ลดลง 17.15 จุด หรือ -0.04%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,671.06 จุด เพิ่มขึ้น 26.75 จุด หรือ +0.40% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,670.08 จุด เพิ่มขึ้น 148.38 จุด หรือ +0.66%

หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์พุ่งขึ้น 1.5% ตามด้วยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคพุ่งขึ้น 1.3% ส่วนหุ้นกลุ่มวัสดุและกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวลง 0.5% และ 0.47% ตามลำดับ

หุ้น Morgan Stanley พุ่งขึ้น 4.7% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่หุ้นธนาคาร Bank of America พุ่งขึ้น 4.4% หลังจากธนาคารทั้งสองแห่งเปิดเผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 3/2568 ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารในดัชนี S&P500 ดีดตัวขึ้น 1.2%

ดาวโจนส์ปิดลบ 17.15 จุด นักลงทุนจับตาสถานการณ์การค้าจีน-สหรัฐฯ

ก่อนหน้านี้ธนาคารหลายแห่งของสหรัฐฯ ได้รายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดเช่นกัน ซึ่งรวมถึง JPMorgan Chase, Goldman Sachs และ Citigroup โดยข้อมูลเหล่านี้บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสหรัฐฯ และส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจยังคงอยู่ในทิศทางที่ดี

ดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย (Philadelphia SE Semiconductor Index) พุ่งขึ้น 3% หลังจาก ASML ผู้ผลิตเครื่องจักรผลิตชิปรายใหญ่สัญชาติเนเธอร์แลนด์ เปิดเผยกำไรจากการดำเนินงานและยอดขายที่สูงเกินคาดในไตรมาส 3/2568 โดยได้ปัจจัยหนุนจากกระแสความนิยมด้านการลงทุนในปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทั้งนี้ หุ้น ASML ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก พุ่งขึ้น 2.7%

นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ โดยล่าสุด สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC ว่า สหรัฐฯ ไม่ต้องการให้ความขัดแย้งด้านการค้ากับจีนทวีความรุนแรงมากขึ้น และย้ำว่าปธน.ทรัมป์พร้อมที่จะพบปะกับปธน.สี จิ้นผิง ผู้นำจีนที่เกาหลีใต้ในช่วงปลายเดือนนี้

นอกจากนี้ เบสเซนต์เปิดเผยว่า วางแผนที่จะเสนอชื่อผู้ที่จะดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด (FED) จำนวน 3 หรือ 4 คนให้ปธน.ทรัมป์สัมภาษณ์ ในข่วงหลังวันหยุดเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving)

สตีเฟน มิแรน สมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการเฟดเปิดเผยกับ CNBC ว่า มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ เนื่องจากตลาดแรงงานอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด

ส่วนรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ที่เฟดได้รวบรวมจนถึงวันที่ 6 ต.ค.บ่งชี้ว่า มีบริษัทจำนวนมากขึ้นที่เลย์ออฟพนักงานเนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และหันไปเพิ่มการลงทุนในเทคโนโลยี AI นอกจากนี้ จำนวนแรงงานในธุรกิจด้านการบริการ การเกษตร การก่อสร้าง และการผลิต เริ่มลดน้อยลง เนื่องจากมาตรการปราบปรามคนเข้าเมืองผิดกฎหมายของรัฐบาลทรัมป์