สหรัฐฯ ยึด Bitcoin ครั้งใหญ่ ราว 4.87 แสนล้าน ขบวน “Pig Butchering”กัมพูชา

15 ต.ค. 2568 | 05:50 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ต.ค. 2568 | 06:02 น.

รัฐบาลสหรัฐฯ ยึด Bitcoin 127,271 เหรียญ มูลค่ากว่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4.87 แสนล้านบาท จากขบวนการหลอกลงทุน “Pig Butchering” ในกัมพูชา ที่เชื่อมโยงค้ามนุษย์-ฉ้อโกงคริปโตระดับโลก

KEY

POINTS

  • กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยื่นฟ้องเพื่อริบทรัพย์สินบิตคอยน์มูลค่าประมาณ 4.87 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการยึดทรัพย์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
  • ทรัพย์สินดังกล่าวเชื่อมโยงกับขบวนการหลอกลวงลงทุนคริปโตฯ ที่เรียกว่า “Pig Butchering” และการฟอกเงินในประเทศกัมพูชา
  • ผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังคือ เฉิน จื้อ ประธานกลุ่มพรินซ์ กรุ๊ป ซึ่งใช้ค่ายแรงงานบังคับในการก่ออาชญากรรม

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เปิดเผยว่าได้ดำเนินคดีอาญากับ เฉิน จื้อ (Chen Zhi) หรือที่รู้จักในชื่อ วินเซนต์ (Vincent) สัญชาติอังกฤษ-กัมพูชา วัย 37 ปี ผู้ก่อตั้งและประธานกลุ่ม Prince Holding Group (พรินซ์ กรุ๊ป) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจข้ามชาติรายใหญ่ของกัมพูชา ฐานสมคบกันฉ้อโกงทางอินเทอร์เน็ต (Wire Fraud Conspiracy) และฟอกเงิน (Money Laundering Conspiracy)

โดยกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการจัดตั้ง “ค่ายแรงงานบังคับ” หลายแห่งทั่วกัมพูชา เพื่อบังคับแรงงานให้ทำการหลอกลวงการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล หรือที่รู้จักในชื่อ “Pig Butchering Scam” ซึ่งสร้างความเสียหายให้เหยื่อในสหรัฐฯ และทั่วโลกเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ โดยขณะนี้ผู้ต้องหายังอยู่ระหว่างการหลบหนี

สหรัฐฯ ยึด Bitcoin ครั้งใหญ่ ราว 4.87 แสนล้าน ขบวน “Pig Butchering”กัมพูชา พร้อมกันนี้ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ และอัยการเขตตะวันออกแห่งนิวยอร์ก ได้ยื่นฟ้องขอริบทรัพย์ทางแพ่งมูลค่าประมาณ 127,271 บิตคอยน์ (Bitcoin) หรือราว 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4.87 แสนล้านบาท) ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่เชื่อมโยงกับการฉ้อโกงและการฟอกเงินของกลุ่มพรินซ์ โดยถือเป็นการริบทรัพย์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ

บังคับแรงงาน-ขบวนการหลอกลวงข้ามชาติ

จากคำฟ้อง ระบุว่า เฉิน จื้อ และผู้บริหารระดับสูงของพรินซ์กรุ๊ป ได้ใช้เครือข่ายอิทธิพลทางการเมืองในหลายประเทศ เพื่อคุ้มครองธุรกิจผิดกฎหมาย และติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับกุม กลุ่มพรินซ์ดำเนินการ “ค่ายหลอกลวง” หลายแห่งทั่วกัมพูชา ซึ่งมีลักษณะคล้ายเรือนจำ มีรั้วลวดหนามล้อมรอบ และใช้แรงงานที่ถูกค้ามนุษย์มาบังคับให้ทำงานหลอกเหยื่อทั่วโลก

แรงงานเหล่านี้ถูกบังคับให้ใช้โซเชียลมีเดียและแอปแชทต่าง ๆ เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับเหยื่อ และหลอกให้โอนเงินเข้าบัญชีคริปโตฯ ปลอม โดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูง แต่แท้จริงเงินทั้งหมดถูกยักยอกและฟอกผ่านธุรกิจของพรินซ์กรุ๊ป เช่น การพนันออนไลน์และเหมืองขุดคริปโต

มีรายงานว่า เฉิน จื้อ มีส่วนร่วมในการควบคุมค่ายโดยตรง และเก็บบันทึกข้อมูลผลกำไรจากแต่ละ “ห้องปฏิบัติการ” รวมถึงภาพการทำร้ายร่างกายผู้ที่ขัดคำสั่ง โดยสั่งการลูกน้อง “ไม่ให้ตีจนตาย”

ใช้เทคนิคฟอกเงินขั้นสูง

เครือข่ายของพรินซ์กรุ๊ปใช้เทคนิคฟอกเงินผ่านระบบคริปโตฯ ซับซ้อน เช่น “spraying” และ “funneling” โดยแบ่งธุรกรรมออกเป็นหลายกระเป๋าดิจิทัลก่อนรวมกลับ เพื่อปกปิดที่มาของเงิน บางส่วนถูกเปลี่ยนเป็นเงินสด เก็บไว้ในบัญชีธนาคารทั่วไป หรือใช้ซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น เครื่องบินเจ็ตส่วนตัว บ้านพักตากอากาศ และภาพวาดระดับโลก เช่น ผลงานของปิกัสโซ

เฉิน จื้อ ยังอวดอ้างต่อคนใกล้ชิดว่า ธุรกิจเหมืองคริปโตของตน “ได้กำไรเพราะไม่มีต้นทุน” เนื่องจากใช้เงินที่ขโมยมาจากเหยื่อเป็นทุนดำเนินงาน

สหรัฐฯ-อังกฤษ ประกาศคว่ำบาตร

นอกจากการดำเนินคดีแล้ว กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ยังประกาศให้ Prince Group เป็น “องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ” (Transnational Criminal Organization) และคว่ำบาตรเฉิน จื้อ รวมถึงผู้บริหารและบริษัทที่เกี่ยวข้อง ขณะที่รัฐบาลสหราชอาณาจักรประกาศมาตรการคว่ำบาตรเช่นกัน   หากศาลพิพากษาว่ามีความผิด เฉิน จื้อ อาจต้องโทษจำคุกสูงสุดถึง 40 ปี

รายงานอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ตของ FBI ประจำปี 2024 ระบุว่า มีผู้เสียหายจากการหลอกลงทุนคริปโต รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 5.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.89 แสนล้านบาท) ภายในปีเดียว

คดีนี้นับเป็นหนึ่งในปฏิบัติการครั้งใหญ่ที่สุดของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ในการกวาดล้างขบวนการค้ามนุษย์และอาชญากรรมไซเบอร์ที่ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์จากเหยื่อทั่วโลก

ที่มา กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ