KEY
POINTS
สนามบินฮีทโธรว์ ลอนดอน พร้อมด้วยสนามบินหลักในยุโรปอย่างบรัสเซลส์ และเบอร์ลิน ต้องเผชิญปัญหาความล่าช้า หลังถูกโจมตีทางไซเบอร์ กระทบระบบเช็กอินและโหลดสัมภาระอัตโนมัติที่ใช้ซอฟต์แวร์ Muse ของบริษัท Collins Aerospace ในเครือ RTX
บรัสเซลส์ แอร์พอร์ต ยืนยันว่าถูกโจมตีทางไซเบอร์เมื่อคืนวันศุกร์ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเช็กอินและบอร์ดผู้โดยสารแบบแมนนวล ส่งผลให้ผู้โดยสารต่อแถวยาว ขณะที่สนามบินเบอร์ลิน-บรันเดนบวร์ก ก็ประสบปัญหาการรอคิวนานกว่าปกติ
แม้ British Airways จะใช้ระบบสำรองและยังคงดำเนินงานได้ตามปกติ แต่สายการบินอื่นส่วนใหญ่ที่สนามบินฮีทโธรว์ได้รับผลกระทบหนัก มีผู้โดยสารจำนวนมากต้องรอคิวนานหลายชั่วโมง เช่น ลูซี สเปนเซอร์ ผู้โดยสารมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เผยว่าต้องรอกว่า 2 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ต้องเขียนแท็กกระเป๋าและลงทะเบียนทางโทรศัพท์ แต่บอร์ดดิ้งพาสในมือถือกลับใช้ไม่ได้ จนต้องย้อนกลับไปที่เคาน์เตอร์ใหม่ ส่วนโมนาซซา อัสลัม ผู้โดยสารอีกคน ระบุว่าติดอยู่บนเครื่องกว่า 1 ชั่วโมง และพลาดไฟลต์ต่อที่โดฮา
สายการบินยุโรปเจอผลหนัก
สนามบินบรัสเซลส์คาด “กระทบตารางบินอย่างรุนแรง” มีทั้งเที่ยวบินล่าช้าและยกเลิก ขณะที่ Eurocontrol องค์กรควบคุมการบินยุโรป สั่งสายการบินตัดครึ่งจำนวนเที่ยวบินขาเข้า-ขาออก ระหว่างวันเสาร์ 04.00 GMT ถึงวันอาทิตย์ 02.00 GMT เพื่อคลี่คลายสถานการณ์
ข้อมูลจาก FlightAware ระบุว่า ณ เวลา 11.30 น. วันเสาร์ (ตามเวลาสหราชอาณาจักร) มีเที่ยวบินล่าช้าแล้วกว่า 140 ไฟลต์ที่ฮีทโธรว์ 100 ไฟลต์ที่บรัสเซลส์ และ 62 ไฟลต์ที่เบอร์ลิน ผู้โดยสารจำนวนมากแสดงความไม่พอใจจากการรอคอยยาวนาน และสภาพแออัดในอาคารผู้โดยสาร
ไซมอน คัลเดอร์ นักข่าวด้านการท่องเที่ยวชี้ว่า ความเสียหายลักษณะนี้ถือว่าร้ายแรง โดยเฉพาะที่สนามบินฮีทโธรว์ ซึ่งเป็นสนามบินที่มีผู้โดยสารหนาแน่นที่สุดในยุโรป ปัญหาที่เริ่มต้นเพียงเล็กน้อยอาจทำให้การจัดการเที่ยวบินเชื่อมต่อ เครื่องบิน นักบิน และผู้โดยสาร “ไม่อยู่ในที่ที่ควรอยู่” ส่งผลลุกลามเป็นวงกว้างได้
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียง 1 ปี หลังจากอุตสาหกรรมการบินทั่วโลกเคยเผชิญวิกฤติจากการอัปเดตซอฟต์แวร์ผิดพลาดของ CrowdStrike ที่ทำให้เที่ยวบินหลายแห่งต้องหยุดบิน สะท้อนถึงความเปราะบางของระบบดิจิทัลในอุตสาหกรรมการบินอีกครั้ง
ที่มา BBC