KEY
POINTS
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชากลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังเหตุการณ์เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2568 ที่ชาวกัมพูชาบุกรื้อรั้วลวดหนามในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว พร้อมทำร้ายเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน (คฝ.) ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ไทยต้องใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางเพื่อควบคุมสถานการณ์ จนนำไปสู่การโต้แย้งรุนแรงระหว่างสองประเทศ
ในวันเดียวกัน นายเนต พักตรา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงข่าวสารกัมพูชา ออกมาแถลงกล่าวหาเจ้าหน้าที่ไทยว่ามีการ “รุกล้ำพรมแดน” และใช้กำลังปราบปรามพลเรือนกัมพูชาด้วยแก๊สน้ำตา กระสุนยาง และเครื่องมือส่งเสียงรบกวน โดยชี้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและบ่อนทำลายเสถียรภาพในภูมิภาค
นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ได้ส่งจดหมายอย่างเป็นทางการถึงบรรดาผู้นำโลกและผู้นำอาเซียน เพื่อขอแรงสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศในการกดดันไทย โดยในแถลงการณ์ของรัฐบาลกัมพูชาระบุว่า ฮุน มาเนตเห็นว่า “นี่คือการกระทำเพียงฝ่ายเดียวของไทย ซึ่งเสี่ยงทำให้ความตึงเครียดบานปลายและขยายวงความขัดแย้ง”
จดหมายฉบับดังกล่าวถูกส่งถึงนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซียซึ่งดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปีนี้ รวมถึงผู้นำชาติมหาอำนาจและองค์กรระหว่างประเทศ เช่น ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน, ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ, ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส, นายแอนโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ และนางแอนนาเลนา เบอร์บ็อก ประธานการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) สมัยที่ 80 ซึ่งสะท้อนถึงความพยายามของกัมพูชาที่ต้องการยกระดับเรื่องนี้สู่เวทีโลก
ขณะเดียวกัน สหรัฐอเมริกาออกมาแสดงท่าทีอย่างรวดเร็ว โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐระบุว่า รัฐบาลวอชิงตันรับทราบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว และเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายลดความตึงเครียด พร้อมเสนอให้มีการเร่งกำหนด “เงื่อนไข” ในการตั้งคณะผู้สังเกตการณ์ระยะยาว ที่จะมีสมาชิกอาเซียนเข้ามามีบทบาทสังเกตการณ์ทั้งสองฝั่ง เพื่อป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งลุกลาม