'ฮุน มาเนต' ฟ้องผู้นำโลก ปมปะทะหนองหญ้าแก้ว กัมพูชากล่าวหาไทยรุกล้ำชายแดน

18 ก.ย. 2568 | 06:48 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ก.ย. 2568 | 07:00 น.

ฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชาส่งจดหมายถึงผู้นำโลกและอาเซียน ฟ้องเหตุปะทะหนองหญ้าแก้ว กล่าวหาไทยใช้แก๊สน้ำตา-กระสุนยางใส่พลเรือน ขณะที่สหรัฐฯ เรียกร้องสองฝ่ายลดความตึงเครียดและเร่งตั้งคณะผู้สังเกตการณ์

KEY

POINTS

  • นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ส่งจดหมายถึงผู้นำโลกและอาเซียน เพื่อขอแรงสนับสนุนกดดันไทยจากเหตุปะทะชายแดนที่บ้านหนองหญ้าแก้ว
  • รัฐบาลกัมพูชากล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ไทยเป็นฝ่ายรุกล้ำพรมแดนและใช้กำลังรุนแรงปราบปรามพลเรือนกัมพูชา
  • กัมพูชาระบุว่าการกระทำของไทยเป็นการกระทำเพียงฝ่ายเดียว ซึ่งเสี่ยงทำให้ความขัดแย้งบานปลายและบ่อนทำลายเสถียรภาพในภูมิภาค

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชากลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังเหตุการณ์เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2568 ที่ชาวกัมพูชาบุกรื้อรั้วลวดหนามในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว พร้อมทำร้ายเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน (คฝ.) ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ไทยต้องใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางเพื่อควบคุมสถานการณ์ จนนำไปสู่การโต้แย้งรุนแรงระหว่างสองประเทศ

ในวันเดียวกัน นายเนต พักตรา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงข่าวสารกัมพูชา ออกมาแถลงกล่าวหาเจ้าหน้าที่ไทยว่ามีการ “รุกล้ำพรมแดน” และใช้กำลังปราบปรามพลเรือนกัมพูชาด้วยแก๊สน้ำตา กระสุนยาง และเครื่องมือส่งเสียงรบกวน โดยชี้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและบ่อนทำลายเสถียรภาพในภูมิภาค

นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ได้ส่งจดหมายอย่างเป็นทางการถึงบรรดาผู้นำโลกและผู้นำอาเซียน เพื่อขอแรงสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศในการกดดันไทย โดยในแถลงการณ์ของรัฐบาลกัมพูชาระบุว่า ฮุน มาเนตเห็นว่า “นี่คือการกระทำเพียงฝ่ายเดียวของไทย ซึ่งเสี่ยงทำให้ความตึงเครียดบานปลายและขยายวงความขัดแย้ง”

จดหมายฉบับดังกล่าวถูกส่งถึงนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซียซึ่งดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปีนี้ รวมถึงผู้นำชาติมหาอำนาจและองค์กรระหว่างประเทศ เช่น ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน, ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ, ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส, นายแอนโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ และนางแอนนาเลนา เบอร์บ็อก ประธานการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) สมัยที่ 80 ซึ่งสะท้อนถึงความพยายามของกัมพูชาที่ต้องการยกระดับเรื่องนี้สู่เวทีโลก

ขณะเดียวกัน สหรัฐอเมริกาออกมาแสดงท่าทีอย่างรวดเร็ว โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐระบุว่า รัฐบาลวอชิงตันรับทราบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว และเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายลดความตึงเครียด พร้อมเสนอให้มีการเร่งกำหนด “เงื่อนไข” ในการตั้งคณะผู้สังเกตการณ์ระยะยาว ที่จะมีสมาชิกอาเซียนเข้ามามีบทบาทสังเกตการณ์ทั้งสองฝั่ง เพื่อป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งลุกลาม