KEY
POINTS
ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่องในวันพฤหัสบดี (18 ก.ย.) หลังจากที่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นตามท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เพิ่งตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่กลับส่งสัญญาณเชิงระมัดระวังเกี่ยวกับทิศทางการผ่อนคลายทางการเงินในอนาคต
ราคาทองคำสปอตล่าสุดอ่อนลง 0.2% มาอยู่ที่ 3,654.29 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 01.56 GMT หลังจากทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,707.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปก่อนหน้า ส่วนทองคำล่วงหน้าเดือนธันวาคมปรับตัวลดลง 0.8% มาที่ 3,690 ดอลลาร์
เอ็ดเวิร์ด เมียร์ นักวิเคราะห์จาก Marex ชี้ว่า แม้เฟดจะลดดอกเบี้ยลง แต่สาระสำคัญของถ้อยแถลงกลับออกมาในเชิง “hawkish” เล็กน้อย หรือระบุว่าการลดดอกเบี้ยครั้งนี้ไม่ได้เป็นการเร่งเครื่องการผ่อนคลาย แต่เป็นการ “บริหารความเสี่ยง” ต่อภาวะตลาดแรงงานที่อ่อนแอลงมากกว่า ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ขยับขึ้น พร้อมประเมินว่าทองคำอาจปรับฐานลงต่อเนื่องจนใกล้ระดับ 3,600 ดอลลาร์ในระยะสั้น
ดัชนีดอลลาร์ (DXY) เพิ่มขึ้น 0.2% เทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลัก ทำให้ทองคำมีราคาสูงขึ้นในสายตาผู้ถือครองเงินสกุลอื่น และยิ่งกดดันภาวะการซื้อขาย ขณะเดียวกัน SPDR Gold Trust กองทุน ETF ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก รายงานว่าปริมาณการถือครองลดลง 0.44% จาก 979.95 ตัน เหลือ 975.66 ตันในวันพุธ
แม้ราคาทองคำจะเผชิญแรงกดดันระยะสั้น แต่หากมองภาพรวมทั้งปี 2025 ยังคงเพิ่มขึ้นถึง 39% ต่อจากที่ปี 2024 ปรับขึ้นแล้วกว่า 27% โดยได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังการผ่อนคลายนโยบายการเงินของเฟด ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังไม่คลี่คลาย และแรงซื้อจากธนาคารกลางหลายประเทศ
ด้านตลาดโลหะมีค่าชนิดอื่นก็เคลื่อนไหวในทิศทางผสมผสาน เงินแท่ง (Silver) ลดลง 0.3% อยู่ที่ 41.53 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แพลทินัมปรับขึ้น 0.4% อยู่ที่ 1,366.75 ดอลลาร์ และพาลาเดียมทรงตัวที่ 1,153.87 ดอลลาร์
ภาพรวมชี้ให้เห็นว่าตลาดทองคำกำลังอยู่ในภาวะ “พักฐาน” หลังทำสถิติสูงสุด โดยแรงกดดันหลักยังคงมาจากดอลลาร์แข็งค่าและถ้อยแถลงที่ไม่รีบเร่งในการลดดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งนักลงทุนยังต้องจับตาสัญญาณครั้งต่อไปว่าจะเปลี่ยนทิศทางเป็นการผ่อนคลายจริงจัง หรือยังคงเน้นการประเมินสถานการณ์ “ประชุมต่อประชุม” ตามคำของประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์