เจาะสาเหตุเฟดลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 9 เดือน ส่งสัญญาณลดต่อเนื่องปีนี้

18 ก.ย. 2568 | 04:25 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ก.ย. 2568 | 04:25 น.

เฟดลดดอกเบี้ย 0.25% ครั้งแรกตั้งแต่ธันวาคม หวังพยุงเศรษฐกิจชะลอ-กันเสี่ยงว่างงานพุ่ง พร้อมส่งสัญญาณลดต่อเนื่องอีก 2 ครั้งปีนี้

KEY

POINTS

  • เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน เพื่อเปลี่ยนจุดสนใจจากการควบคุมเงินเฟ้อมาเป็นการพยุงการเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงานที่เริ่มชะลอตัว
  • สาเหตุหลักมาจากสัญญาณอ่อนแอของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่เย็นตัวลงและตัวเลขการจ้างงานที่ถูกปรับลดลงอย่างมาก ซึ่งสะท้อนความเสี่ยงที่เศรษฐกิจอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย
  • เฟดส่งสัญญาณชัดเจนว่าอาจมีการปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีกภายในปีนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจทรุดตัวและประคองเสถียรภาพโดยรวม

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่กรอบ 4.00%-4.25% ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือนนับตั้งแต่ธันวาคมที่ผ่านมา การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการขยับเล็กน้อยในเชิงเทคนิค แต่มีนัยสำคัญในเชิงสัญญาณว่า เฟดกำลังปรับจุดโฟกัสจากการสกัดเงินเฟ้อ ไปสู่การปกป้องการเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงานที่เริ่มเปราะบางมากขึ้น

ตลอดช่วงที่ผ่านมา เศรษฐกิจสหรัฐฯ เผชิญสัญญาณชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง กิจกรรมทางเศรษฐกิจครึ่งปีแรกแผ่วแรงลง ตลาดแรงงานซึ่งเคยร้อนแรงเริ่มเย็นตัวลง และอัตราการว่างงานมีแนวโน้มสูงขึ้น แม้ยังอยู่ในระดับต่ำแต่ก็สะท้อนความเปลี่ยนแปลงที่น่ากังวล เฟดจึงเลือกขยับลดดอกเบี้ยเพื่อป้องกันไม่ให้ดอกเบี้ยสูงยืดเยื้อไปกดดันภาคการจ้างงานและเสี่ยงนำไปสู่ภาวะถดถอย

สิ่งที่ทำให้การลดดอกเบี้ยรอบนี้มีน้ำหนักยิ่งขึ้นคือ การส่งสัญญาณต่อเนื่องว่าเฟดอาจปรับลดอีก 2 ครั้งในการประชุมที่เหลือของปี 2025 คณะกรรมการระบุชัดว่าความเสี่ยงต่อการจ้างงานกำลังทวีความสำคัญมากขึ้น และพร้อมใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายเพื่อประคับประคองเสถียรภาพเศรษฐกิจในภาพรวม รายงาน dot plot ยืนยันว่ากรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นพ้องกับแนวทางลดดอกเบี้ยในปีนี้ และยังมีบางเสียงคาดว่าระดับดอกเบี้ยอาจปรับลงลึกกว่าที่เคยคาดไว้ในปี 2026-2028

นักวิเคราะห์ในตลาดการเงิน ประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ ชี้ว่า การที่เฟดตัดสินใจลดดอกเบี้ยครั้งนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามปกติ แต่เพราะสัญญาณจากตลาดแรงงานเริ่มส่งสัญญาณไม่ดี ตัวเลขการจ้างงานที่เคยถูกคาดว่าจะเพิ่มกลับถูกปรับลดลงอย่างแรงจนช็อกตลาด โดยในปีที่ผ่านมา มีการแก้ไขตัวเลขจนกลายเป็นว่าการจ้างงานหดตัวกว่า 900,000 ตำแหน่ง ซึ่งสะท้อนว่าตลาดแรงงานอ่อนแรงจริงและกดดันให้เฟดต้องขยับดอกเบี้ยลงเพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจทรุดตัว

อย่างไรก็ตาม การลดดอกเบี้ยรอบนี้อาจสร้างความเสี่ยงในอีกด้าน เพราะหากเป็นการลดเพื่อรับมือเศรษฐกิจที่เริ่มแผ่วแรงจริง อาจสะท้อนสัญญาณถดถอยมากกว่าการฟื้นตัว นักลงทุนจึงต้องจับตาว่าการลดดอกเบี้ยต่อเนื่องที่จะตามมาจะช่วยพยุงเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่ และยังมีปัจจัยเสี่ยงจากนโยบายการคลังและผลกระทบจากกำแพงภาษีสหรัฐฯ ที่อาจก่อแรงกดดันเงินเฟ้อรอบใหม่ ซึ่งทำให้เส้นทางเศรษฐกิจข้างหน้ายังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน

แม้เฟดยังคงคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 3% สูงกว่าเป้าหมาย 2% แต่ก็มองว่าความเสี่ยงด้านการเติบโตและการจ้างงานมีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้การลดดอกเบี้ยเป็นทางเลือกที่จำเป็น ขณะที่อัตราว่างงานถูกประเมินว่าจะขยับขึ้นสู่ 4.5% และการเติบโตของเศรษฐกิจขยับเล็กน้อยเป็น 1.6% จาก 1.4%

อีกหนึ่งปัจจัยที่เฟดให้ความสำคัญคือ ผลกระทบจากกำแพงภาษีของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเฟดประเมินว่าจะกดดันเงินเฟ้อเพียงชั่วคราว ไม่ใช่แรงกดดันระยะยาวต่อระบบเศรษฐกิจ จึงไม่ใช่ตัวแปรหลักที่ทำให้เฟดต้องตรึงดอกเบี้ยสูงต่อไป

การตัดสินใจครั้งนี้สร้างแรงกระเพื่อมทันทีต่อตลาดการเงิน ดัชนีดาวโจนส์ปรับขึ้น 1% และ S&P 500 ขยับบวก 0.1% สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนว่านโยบายผ่อนคลายจะช่วยพยุงเศรษฐกิจในช่วงที่ความไม่แน่นอนยังคงสูง