KEY
POINTS
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดเกมการเงินผ่อนคลายอีกครั้ง หลังประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เข้าสู่กรอบ 4.00%-4.25% ในการประชุมล่าสุด ถือเป็นการขยับอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว โดยเฟดส่งสัญญาณชัดว่าจะคงทิศทางลดดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี 2025 อีกอย่างน้อย 2 ครั้ง เพื่อรับมือกับแรงกดดันด้านการจ้างงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัว
การตัดสินใจครั้งนี้ได้รับเสียงสนับสนุนจากคณะกรรมการส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยกเว้น สตีเฟน มิแรน กรรมการเฟดหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมเมื่อวันอังคาร และอยู่ในระหว่างลาพักจากตำแหน่งหัวหน้าสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจทำเนียบขาว ซึ่งแสดงความเห็นแย้ง ต้องการให้เฟดลดแรงกว่านี้ถึง 0.50%
แถลงการณ์เฟดย้ำว่า “คณะกรรมการตระหนักถึงความเสี่ยงทั้งสองด้านของพันธกิจคู่ และประเมินว่าความเสี่ยงด้านการจ้างงานมีเพิ่มขึ้น” โดยสะท้อนถึงตลาดแรงงานที่กำลังอ่อนแรง การจ้างงานใหม่ชะลอลง และอัตราการว่างงานขยับขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ประธานเฟด เจอโรม พาวเวล เตรียมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเพื่อขยายความต่อทิศทางเศรษฐกิจในเวลา 02.30 น. ตามเวลาไทย
ข้อมูลประมาณการเศรษฐกิจใหม่ของเฟดยังชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อปลายปีนี้น่าจะอยู่ที่ 3% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟดและไม่เปลี่ยนแปลงจากคาดการณ์เมื่อเดือนมิถุนายน ส่วนการว่างงานยังคงถูกประเมินไว้ที่ 4.5% ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจถูกปรับเพิ่มเล็กน้อยเป็น 1.6% จากเดิม 1.4%
เมื่อเทียบกับการประเมินรอบก่อนที่ยังมีกังวลความเสี่ยง “stagflation” หรือเศรษฐกิจชะลอควบคู่เงินเฟ้อสูง รอบนี้เฟดเริ่มเชื่อมั่นมากขึ้นว่าสามารถใช้การลดดอกเบี้ยเพื่อรับมือการว่างงานได้ ขณะที่เงินเฟ้อค่อย ๆ คลายตัวในปีถัดไป โดยความเห็นส่วนใหญ่เห็นพ้องกันว่า มาตรการกีดกันทางการค้าและภาษีนำเข้าของทรัมป์จะมีผลต่อเงินเฟ้อเพียงชั่วคราว ไม่ใช่ปัจจัยระยะยาว
ผู้ว่าการเฟด คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ และรองประธานกำกับดูแล มิเชล โบว์แมน ซึ่งก่อนหน้านี้คัดค้านการตรึงดอกเบี้ยเมื่อเดือนกรกฎาคม ต่างหันมาโหวตเห็นชอบต่อการลดดอกเบี้ยครั้งนี้ ขณะที่ ลิซ่า คุก กรรมการเฟดซึ่งยังดำรงตำแหน่งได้แม้ทรัมป์พยายามปลด ก็เข้าร่วมประชุมและโหวตสนับสนุนเช่นกัน
ในฝั่งของมิแรน นอกจากลงมติขัดแย้งแล้ว ยังสะท้อนมุมมองผ่าน “dot plot” หรือแผนคาดการณ์ดอกเบี้ยที่แตกต่างอย่างมาก โดยประเมินว่าดอกเบี้ยสิ้นปี 2025 อาจลงไปที่ 2.875% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกรรมการคนอื่นถึง 0.75% ซึ่งสอดคล้องกับแรงกดดันจากทำเนียบขาวที่ต้องการให้เฟดปรับลดดอกเบี้ยแรงกว่านี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ