กระทรวงการคลังสหรัฐฯ โดยสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศ (OFAC) ได้ออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหญ่เพื่อจัดการกับเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่สร้างความเสียหายมหาศาลต่อประชาชนอเมริกันในปี 2024 เพียงปีเดียว ตัวเลขการสูญเสียจากการหลอกลวงทางออนไลน์สูงถึงกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 66% จากปีก่อนหน้า พร้อมเปิดโปงการใช้แรงงานบังคับและการค้ามนุษย์ที่แฝงอยู่เบื้องหลังอุตสาหกรรมนี้
นายจอห์น เค. เฮอร์ลีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังด้านการก่อการร้ายและข่าวกรองทางการเงิน ย้ำว่า ปฏิบัติการเหล่านี้ไม่เพียงแต่คุกคามเสถียรภาพทางการเงินของชาวอเมริกัน แต่ยังโยงใยไปถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรงที่ทำให้เหยื่อหลายพันคนต้องตกเป็น “ทาสยุคใหม่” ถูกหลอกมาทำงานในศูนย์หลอกลวง จากนั้นถูกข่มขู่ ทุบตี กักขัง และบังคับให้ทำงานหลอกเหยื่อออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ
รายงานของเครือข่ายปราบปรามอาชญากรรมทางการเงิน (FinCEN) ระบุว่า วิธีการที่นิยมคือการใช้ “ความสัมพันธ์ปลอม” โดยนักต้มตุ๋นจะสร้างความไว้วางใจผ่านการแชทหรือโซเชียลมีเดีย ก่อนชักชวนเหยื่อให้ลงทุนในแพลตฟอร์มคริปโทเคอร์เรนซีที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อหลอกเงินโดยเฉพาะ เหยื่อส่วนใหญ่ถูกเล็งเป้าเป็นชาวอเมริกัน และผู้ปฏิบัติการยังถูกตั้งโควตาเหยื่อต่อวันอีกด้วย
หนึ่งในศูนย์หลอกลวงใหญ่ตั้งอยู่ที่ ชเวก๊กโก่ ประเทศเมียนมา ภายใต้การคุ้มครองของกองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNA) โดยเฉพาะโครงการ “ยาไต นิว ซิตี้” ที่ถูกพัฒนาโดยนายเสอ จื้อเจียง นักธุรกิจจีนผู้ต้องหาหลายคดี และหม่องชิตตู ผู้นำ KNA จากหมู่บ้านเล็กริมแม่น้ำเมย กลายเป็นเมืองแห่งอาชญากรรมเต็มรูปแบบ ทั้งการพนัน ยาเสพติด ค้าประเวณี และศูนย์หลอกลวงออนไลน์ที่ใช้แรงงานค้ามนุษย์ รายงานเผยว่าเหยื่อถูกหลอกเข้ามาแล้วถูกกักขัง ทรมาน และบังคับทำงานเพื่อองค์กรอาชญากรรม โดยบางรายต้องรอจนกว่าครอบครัวจะจ่ายค่าไถ่ถึงจะได้อิสระ
ขณะที่ใน กัมพูชา เครือข่ายอาชญากรรมแฝงตัวอยู่ในคาสิโนและโครงการอสังหาริมทรัพย์ในเมืองท่องเที่ยวหลัก เช่น สีหนุวิลล์และบาเวต บริษัท T C Capital และ K B Hotel ถูกระบุว่าเป็นเจ้าของคอมเพล็กซ์ที่ใช้เป็นฐานปฏิบัติการหลอกลวงการลงทุนคริปโทและฟอกเงิน โดยผู้ลงทุนหลักเป็นอดีตนักโทษคดีฟอกเงินและการพนันผิดกฎหมายจากจีน เช่น นายตง เล่อเฉิง และนายสวี อ้ายหมิน ซึ่งอาศัยเส้นสายทางการเมืองท้องถิ่นเพื่อเลี่ยงการตรวจสอบ
นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมโยงกับเครือข่ายนักธุรกิจรายใหญ่ในกัมพูชา เช่น นายเฉิน อัล เลน และนายซู เหลียงเซิง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในโครงการคาสิโนและศูนย์หลอกลวงหลายแห่ง รวมถึงการถือหุ้นใน HH Bank Cambodia ที่ OFAC ชี้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการอำนวยความสะดวกด้านการเงินให้กับธุรกิจผิดกฎหมาย
มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ทำให้ทรัพย์สินทั้งหมดของบุคคลและบริษัทที่ถูกระบุถูกอายัดในสหรัฐฯ โดยห้ามบุคคลและนิติบุคคลอเมริกันทำธุรกรรมกับพวกเขา ขณะที่บริษัทใดที่บุคคลเหล่านี้ถือหุ้นเกิน 50% ก็จะถูกปิดกั้นอัตโนมัติ จุดประสงค์ของมาตรการไม่ใช่เพียงการลงโทษ แต่เพื่อสร้างแรงกดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในระยะยาว