สื่อต่างประเทศอย่างรอยเตอร์ บลูมเบิร์ก เดอะนิวยอร์กไทมส์ ฯลฯ เกาะติดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของการเมืองไทย ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล วัย 58 ปี ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ หลังจากรัฐสภาโหวตสนับสนุนอย่างท่วมท้นที่ 311 เสียง เพียงหนึ่งสัปดาห์ถัดมาจากคำตัดสินของศาลให้ แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่ง และจุดชนวนให้เกิดความปั่นป่วนทางการเมืองอีกระลอก การขึ้นสู่อำนาจครั้งนี้ถือเป็นจุดสูงสุดของเส้นทางการเมืองที่สะสมมานานหลายทศวรรษของนักการเมืองผู้เคยมีบทบาทสำคัญทั้งในฐานะรัฐมนตรีสาธารณสุขและรัฐมนตรีมหาดไทย
สื่อต่างประเทศจับตาสิ่งที่ทำให้ชื่อของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในเวทีนานาชาติ ไม่ได้มีเพียงบทบาทการบริหารประเทศช่วงโควิด-19 แต่ยังรวมถึง การผลักดันนโยบายกัญชาเสรีในปี 2565 ที่ทำให้ไทยกลายเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เดินหน้าสู่การปลดล็อกพืชชนิดนี้ แม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักทั้งในแง่สังคมและความชัดเจนของกฎหมาย แต่ก็สร้างภาพจำให้อนุทินกลายเป็น “นักการเมืองผู้เปิดทางให้กัญชาเสรี”
หลังจากพรรคภูมิใจไทยซึ่งเขาเป็นหัวหน้าพรรคคว้าที่นั่ง 70 ที่นั่งจาก 500 ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด อนุทินยังสามารถรักษาอิทธิพลไว้ด้วยการร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย และการยืนอยู่ในทุกขั้วอำนาจการเมืองที่ผ่านมา ทำให้หลายฝ่ายมองว่า อนุทินเป็นนักการเมืองที่เล่นเกมได้อย่างยืดหยุ่นและรู้จังหวะเข้าถอย แต่คำถามสำคัญที่สื่อต่างประเทศจับตาในเวลานี้คือ อนุทินจะหยิบยกนโยบายกัญชาเสรีกลับมาสานต่อหรือไม่ เมื่อไม่ได้ดำรงตำแหน่งเป็นเพียงรัฐมนตรีอีกต่อไป แต่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
นักวิชาการจาก ISEAS-Yusof Ishak Institute ประเทศสิงคโปร์ ให้ความเห็นว่า อนุทินคือ “นักการเมืองสายปฏิบัติ” ที่สามารถเชื่อมโยงผลประโยชน์ของฝ่ายประชานิยมและอนุรักษนิยมเข้าด้วยกัน พร้อมย้ำว่าเขายังยืนหยัดในจุดยืนสนับสนุนสถาบันกษัตริย์ ขณะที่พรรคภูมิใจไทยถูกวางตัวให้เป็นผู้พิทักษ์ผลประโยชน์ฝ่ายอนุรักษนิยมในไทย แต่สำหรับเวทีโลก สิ่งที่ถูกตั้งคำถามมากกว่าคือ การจัดการกับนโยบายกัญชา ซึ่งเคยเป็นเครื่องหมายการค้าทางการเมืองของเขา
อนุทินเคยให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์สเมื่อปี 2566 ว่าตนเป็น “นักการเมืองรุ่นใหม่ สดกว่า และเข้าใจประชาธิปไตย” ซึ่งสะท้อนความทะเยอทะยานที่จะขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเปิดเผย ขณะเดียวกัน การขับเคลื่อนนโยบายกัญชาเสรีก็เป็นหนึ่งในภาพลักษณ์ความเป็น “นักการเมืองหัวก้าวหน้า” ที่สังคมทั้งชื่นชมและวิพากษ์วิจารณ์
วันนี้ เมื่ออนุทินก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีเต็มตัว ความสนใจจากนานาชาติไม่ได้มุ่งแค่เสถียรภาพทางการเมืองของไทยในสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวหรือความตึงเครียดชายแดนกับกัมพูชา แต่ยังรวมถึงท่าทีของรัฐบาลชุดใหม่ต่อ อนาคตของนโยบายที่เคยสร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ในสังคมไทยและภูมิภาค