จับตาเฟดเตรียมรีเซ็ตยุทธศาสตร์ใหญ่แจ็กสันโฮล หวนโฟกัสวิกฤตเงินเฟ้อเต็มตัว

21 ส.ค. 2568 | 13:26 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ส.ค. 2568 | 16:36 น.

เฟดเตรียมประกาศกรอบยุทธศาสตร์ใหม่ที่แจ็กสันโฮล หลังนโยบายปี 2020 ล้าสมัยเพราะเงินเฟ้อพุ่ง-เศรษฐกิจผันผวน พาวเวลชี้เสถียรภาพด้านราคาเป็นเงื่อนไขสำคัญสู่ตลาดแรงงานที่ยั่งยืน

การประชุมที่เมืองแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง ในวันศุกร์นี้กำลังถูกจับตามองทั่วโลก ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ภายใต้การนำของประธานเจอโรม พาวเวล เตรียมเผยกรอบยุทธศาสตร์ใหม่ที่สะท้อนบทเรียนตลอดครึ่งทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งเต็มไปด้วยความผันผวนทางเศรษฐกิจ เงินเฟ้อพุ่งสูง และตลาดงานที่ตึงตัว

นโยบายเดิมที่เฟดประกาศในปี 2020 ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางการแพร่ระบาดโควิด-19 และกระแสเรียกร้องด้านความเท่าเทียมในสังคม เน้นการไม่เร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อรักษาการฟื้นตัวของตลาดแรงงาน โดยหวังให้เกิดการจ้างงานในวงกว้างและครอบคลุม แต่เมื่อเงินเฟ้อพุ่งสูงเกินคาดหลังการแพร่ระบาด นโยบายดังกล่าวก็ถูกมองว่าไม่ทันต่อสภาพความจริง และอาจทำให้การรับมือเงินเฟ้อล่าช้าเกินไป

พาวเวลส่งสัญญาณแล้วว่าถึงเวลาปรับสมการใหม่ โดยกรอบยุทธศาสตร์ที่จะประกาศอาจเน้นให้ “เสถียรภาพด้านราคา” เป็นรากฐานสำคัญที่จะทำให้ตลาดแรงงานแข็งแรงและยั่งยืน ขณะที่แนวคิดบางส่วนจากปี 2020 เช่น การยอมให้เงินเฟ้อสูงกว่ากรอบเป้าหมายชั่วคราวเพื่อเฉลี่ยกลับมาที่ 2% อาจถูกกันไว้ใช้เฉพาะในช่วงเศรษฐกิจอ่อนแอเท่านั้น

เอกสารการประชุมเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมของเฟดระบุว่า คณะกรรมการกำลังใกล้ได้ข้อสรุปในแถลงการณ์ฉบับใหม่ ซึ่งต้องสามารถใช้ได้กับ “สภาพเศรษฐกิจที่หลากหลาย” หลังจากที่ยุทธศาสตร์ปี 2020 ถูกวิจารณ์ว่าซับซ้อนเกินไปและไม่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจจริงในช่วงโควิด

อดีตรองประธานเฟด ริชาร์ด คลาริดา ชี้ว่ายุทธศาสตร์เดิมมีประโยชน์ในช่วงเศรษฐกิจซบเซาหลังวิกฤติการเงินปี 2008 แต่ในสภาพปัจจุบัน เศรษฐกิจกลับเข้าสู่ภาวะปกติ การมุ่งเน้นเป้าหมายเงินเฟ้อแบบตรงไปตรงมาอาจเป็นแนวทางที่เหมาะสมกว่า ขณะที่พาวเวลเองก็ย้ำว่า “หากปราศจากเสถียรภาพด้านราคา เศรษฐกิจจะไม่สามารถรักษาตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งได้ในระยะยาว”