ทรัมป์ปิดดีลการค้าฟิลิปปินส์ เก็บภาษี 19% แลกกับการเปิดตลาดเสรี

22 ก.ค. 2568 | 21:45 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ก.ค. 2568 | 22:56 น.

ทรัมป์ประกาศบรรลุข้อตกลงการค้า เก็บภาษีนำเข้าสินค้าฟิลิปปินส์ 19% ขณะที่ฟิลิปปินส์เปิดตลาดเสรีให้สินค้าอเมริกันเข้าประเทศโดยไม่เสียภาษี พร้อมความร่วมมือทางทหาร

สำนักข่าว CNN รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เเห่งสหรัฐ กล่าวเมื่อวันอังคารว่า เขาและประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ แห่งฟิลิปปินส์ ได้บรรลุข้อตกลงทางการค้า

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ พร้อมด้วยรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีต่างประเทศมาร์โก รูบิโอ และรัฐมนตรีกลาโหมพีท เฮกเซธ พบปะกับประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ แห่งฟิลิปปินส์ ณ ทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2025 ภาพโดย REUTERS

ไม่นานหลังจากนั้น ทรัมป์ยังได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมของข้อตกลงกับอินโดนีเซียด้วย โดยข้อตกลงทั้งสองฉบับกำหนดให้เรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 19% สำหรับสินค้าที่สหรัฐฯ นำเข้าจากทั้งสองประเทศ ซึ่งเป็นภาษีที่ธุรกิจอเมริกันต้องจ่าย ขณะที่สินค้าของสหรัฐฯ ที่ส่งออกไปยังประเทศเหล่านั้นจะไม่ถูกเรียกเก็บภาษี

การประกาศของทรัมป์เกี่ยวกับข้อตกลงกับฟิลิปปินส์มีขึ้นหลังจากเขาพบกับประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันอังคาร

ทรัมป์ปิดดีลการค้าฟิลิปปินส์ เก็บภาษี 19% แลกกับการเปิดตลาดเสรี

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนในทันทีว่าผู้นำทั้งสองได้ลงนามในเอกสารอย่างเป็นทางการหรือไม่ และเช่นเดียวกับการประกาศข้อตกลงทางการค้าอื่น ๆ ที่ผ่านมา มีการเปิดเผยรายละเอียดเพียงเล็กน้อยในช่วงแรก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐอเมริกา พบกับประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ แห่งฟิลิปปินส์ (ไม่ปรากฏในภาพ) ในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 ภาพโดย REUTERS

ข้อตกลงกับฟิลิปปินส์นับเป็นฉบับที่ 5 ภายในระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ยังไม่มีรายละเอียดใหม่เกี่ยวกับข้อตกลงที่ทรัมป์ประกาศกับเวียดนามเมื่อต้นเดือนนี้ และเจ้าหน้าที่รัฐบาลยังไม่ได้เปิดเผยสาเหตุว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น

ทรัมป์และเจ้าหน้าที่รัฐบาลเคยให้คำมั่นเมื่อเดือนเมษายนว่าจะมีข้อตกลงการค้าอีกหลายฉบับ หลังจากที่หยุดมาตรการภาษีแบบ “ตอบโต้” (reciprocal tariffs) อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้ ได้ปรับเปลี่ยนจุดยืน โดยเน้นว่าให้ความสำคัญกับคุณภาพของข้อตกลงมากกว่าปริมาณ

ทรัมป์ได้ส่งสัญญาณต่อเศรษฐกิจโลกส่วนใหญ่ โดยขู่ว่าจะเพิ่มภาษีในอัตราสูงขึ้นหลายรายการ ซึ่งรวมถึงอัตราที่สูงถึง 50% สำหรับประเทศคู่ค้า และภาษีนำเข้าทองแดง 50% สำหรับทุกประเทศ ซึ่งมีกำหนดจะเริ่มบังคับใช้ในสัปดาห์หน้า

โดยจะยืนกรานกำหนดเส้นตายในวันที่ 1 สิงหาคม ให้ประเทศต่าง ๆ ต้องทำข้อตกลง มิฉะนั้นจะต้องเผชิญกับภาษีที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงเพิกเฉยต่อความเป็นไปได้นั้น

 

ก่อนหน้านี้เมื่อวันอังคาร ในห้อง The Oval Office (ห้องทำงานรูปไข่) ทรัมป์บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ยังไม่พร้อมที่จะทำข้อตกลงทางการค้ากับมาร์กอส แต่ทั้งสองฝ่ายน่าจะตกลงกันได้ในบางเรื่อง

CNN รายงานว่า ข้อตกลงดังกล่าวถือว่าไม่ปกติ เนื่องจากประเทศอื่น ๆ ที่ทรัมป์อ้างว่าได้บรรลุข้อตกลงด้วยนั้นมีอัตราภาษีที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับระดับที่ขู่ว่าจะบังคับใช้ในเดือนเมษายน ขณะเดียวกัน สินค้าจากฟิลิปปินส์ถูกเก็บภาษีขั้นต่ำที่ 17% ในเดือนเมษายน ก่อนที่ทรัมป์จะระงับมาตรการเหล่านั้น เมื่อต้นเดือนนี้ เเละขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษี 20% สำหรับสินค้าจากฟิลิปปินส์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม

ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ แห่งฟิลิปปินส์ พบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา (ไม่ปรากฏในภาพ) ในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2025 ภาพโดย REUTERS

สหรัฐฯ นำเข้าสินค้าจากฟิลิปปินส์มูลค่า 14,000 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ตามข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ อาหารแปรรูป เครื่องจักร และเครื่องนุ่งห่ม ขณะที่สหรัฐฯ ส่งออกสินค้าไปยังฟิลิปปินส์มูลค่า 9,000 ล้านดอลลาร์ โดยสินค้าส่งออกหลัก ได้แก่ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และอาหารแปรรูป

รายละเอียดข้อตกลงกับอินโดนีเซียถูกเปิดเผย

ทรัมป์ได้ประกาศข้อตกลงที่คล้ายกันกับอินโดนีเซียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยกำหนดอัตราภาษีในระดับเดียวกัน และเมื่อวันอังคาร มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในแถลงการณ์ร่วมระหว่างสหรัฐฯ กับอินโดนีเซีย โดยทรัมป์เขียนบน Truth Social

ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ข้าพเจ้าขอประกาศข้อตกลงทางการค้ากับสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ซึ่งมีประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต ผู้ทรงเกียรติเป็นผู้แทนของอินโดนีเซีย

ทรัมป์ปิดดีลการค้าฟิลิปปินส์ เก็บภาษี 19% แลกกับการเปิดตลาดเสรี

ทรัมป์และเจ้าหน้าที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับมาตรการกำแพงทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (non-tariff trade barriers) ซึ่งอินโดนีเซียตกลงจะแก้ไข มาตรการเหล่านี้รวมถึงการยกเลิกการจัดเก็บภาษีจากรายได้บริการดิจิทัล เช่น โฆษณาบนเว็บไซต์สตรีมมิ่งและโซเชียลมีเดีย และการยกเลิกข้อกำหนดการตรวจสอบก่อนจัดส่งหรือการตรวจสอบยืนยัน สำหรับสินค้าจากสหรัฐฯ 

ในส่วนหลังนี้ เจ้าหน้าที่กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ระบบการตรวจสอบดังกล่าวสร้างภาระอย่างมากให้แก่เกษตรกรในการส่งออกสินค้า และการยกเลิกมาตรการเหล่านี้จะช่วยเปิดตลาดให้กับพวกเขา

นอกจากนี้ อินโดนีเซียยังตกลงที่จะยอมรับมาตรฐานความปลอดภัยของยานยนต์กลางของสหรัฐฯ (US Federal Motor Vehicle Safety Standards) และยกเลิกข้อจำกัดในการส่งออกแร่ธาตุสำคัญ (critical minerals)

ก่อนหน้านี้สินค้าจากอินโดนีเซียเคยถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 32% เป็นการชั่วคราวในเดือนเมษายน ก่อนที่ทรัมป์จะระงับมาตรการภาษีแบบตอบโต้ ประเทศต่าง ๆ ที่มีกำหนดจะต้องเผชิญกับภาษีเหล่านั้นถูกเรียกเก็บภาษีขั้นต่ำ 10% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 1 สิงหาคมนี้

อินโดนีเซียเป็นประเทศคู่ค้าอันดับที่ 23 ของสหรัฐฯ ตามข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้ว สหรัฐฯ นำเข้าสินค้าจากอินโดนีเซียมูลค่า 28,000 ล้านดอลลาร์ สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องแต่งกายและรองเท้า

ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ส่งออกสินค้าไปยังอินโดนีเซียมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์ สินค้าส่งออกหลักได้แก่ เมล็ดพืชน้ำมันและธัญพืช รวมถึงน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ