กระทรวงการต่างประเทศของไทย มีความเคลื่อนไหวแสดงความไม่พอใจต่อการแทรกแซงกิจการภายในของไทย โดยกล่าวหากัมพูชาว่าละเมิดกฎบัตรอาเซียนและกฎบัตรสหประชาชาติอย่างร้ายแรง
หลังจากที่สมเด็จฯ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แสดงความเห็นในสื่อสังคมออนไลน์เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลไทย เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา
วันนี้ (2ก.ค.68) นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวของกัมพูชาเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทย ซึ่งขัดต่อกฎบัตรอาเซียน กฎบัตรสหประชาชาติ และกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องอย่างร้ายแรง และมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศอย่างรุนแรง
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังกล่าวว่า รัฐบาลไทยขอเรียกร้องให้ผู้นำกัมพูชายุติการกระทำในลักษณะดังกล่าวโดยทันที เนื่องจากการกระทำดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นการละเมิดกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศ แต่ยังส่งผลเสียต่อความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองประเทศที่มีมานานหลายปี รัฐบาลไทยจึงขอเรียกร้องให้กัมพูชาหันมาแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการทางการทูตและสันติวิธีระหว่างสองประเทศ
สำหรับกรณีที่สมเด็จฯ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชากล่าวถึงสถานการณ์ในประเทศไทยนั้น บทความที่เผยแพร่จากสำนักข่าวเฟรชนิวส์ของกัมพูชาระบุว่า สมเด็จฯ ฮุน มาเนต ยืนยันว่า กัมพูชาไม่ได้แทรกแซงกิจการภายในของประเทศใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเมืองในไทย พร้อมกับย้ำว่า กัมพูชาจะตอบโต้หากถูกกล่าวหาหรือถูกกล่าวโทษโดยไม่เป็นธรรมจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ในส่วนของสมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ที่เคยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในไทย สมเด็จฯ ฮุน มาเนต กล่าวต่อว่า การตัดสินใจเกี่ยวกับหน่วยงานของรัฐในประเทศใดประเทศหนึ่งขึ้นอยู่กับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเท่านั้น และกรณีที่กัมพูชาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเมืองในไทยนั้นเป็นเพียงการตอบโต้ข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรมจากฝ่ายไทยที่เคยกล่าวหากัมพูชา
ในทางกลับกัน สมเด็จฯ ฮุน มาเนต ยืนยันว่า การกระทำของกัมพูชามีเจตนาเพียงเพื่อปกป้องเกียรติและอธิปไตยของประเทศ โดยไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งและไม่ต้องการให้มีการยกระดับสถานการณ์ความขัดแย้งใดๆ จากการกระทำของกัมพูชา แต่ก็พร้อมที่จะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศในกรณีที่ถูกกล่าวหาหรือโดนยั่วยุ
นอกจากนี้ สมเด็จฯ ฮุน มาเนต ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า แม้กัมพูชาจะเคยอดทนและหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับไทยในการตอบโต้ข้อกล่าวหาหรือข้อสงสัยต่างๆ แต่ก็ถึงเวลาที่กัมพูชาจะต้องออกมาพูดบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถูกกล่าวหาด้วยข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรมจากฝ่ายไทย
นอกจากนี้ กัมพูชายังมีหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าไทยได้ยั่วยุการกระทำต่างๆ ของกัมพูชา แต่กัมพูชาเลือกที่จะไม่ทำให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงขึ้น