“ร่างกฎหมายทรัมป์” ผ่านด่านวุฒิสภาเฉียดฉิว ลดภาษีคนรวย ดันหนี้พุ่ง 3.3 ล้านล้าน

02 ก.ค. 2568 | 07:18 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ก.ค. 2568 | 07:18 น.

วุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกฎหมายลดภาษี-เพิ่มงบกลาโหมของทรัมป์แบบฉิวเฉียด ส่งผลหนี้สาธารณะพุ่ง 3.3 ล้านล้านดอลลาร์ เดโมแครต-รีพับลิกันสายกลางต้าน ด้านคนรุ่นใหม่ถูกโยนภาระหนี้แทนคนรวย

วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติผ่านร่างกฎหมายลดภาษีและเพิ่มงบประมาณรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อย่างเฉียดฉิว ท่ามกลางกระแสคัดค้านทั้งจากพรรคเดโมแครตและสมาชิกพรรครีพับลิกันบางส่วน โดยร่างกฎหมายฉบับนี้มีเนื้อหาสำคัญที่ทั้งขยายเวลาการลดภาษีที่เริ่มตั้งแต่ปี 2560 เพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับรายได้จากค่าทิปและค่าล่วงเวลา ขณะเดียวกันกลับตัดงบประมาณด้านสวัสดิการอย่างโครงการ Medicaid และโครงการอาหารสำหรับผู้มีรายได้น้อย มูลค่ารวมกว่า 930,000 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้หนี้สาธารณะของประเทศพุ่งขึ้นอีก 3.3 ล้านล้านดอลลาร์ และยังขยายเพดานหนี้เพิ่มอีก 5 ล้านล้านดอลลาร์

ผลการลงมติในวุฒิสภาออกมาแบบเฉียดฉิว 51 ต่อ 50 โดยรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ ต้องลงคะแนนเสียงชี้ขาด หลังจากสมาชิกรีพับลิกัน 3 คน ได้แก่ ทอม ทิลลิส, ซูซาน คอลลินส์ และแรนด์ พอล โหวตค้านร่วมกับสมาชิกเดโมแครตทั้ง 47 คน ท่ามกลางการถกเถียงที่ยืดเยื้อข้ามคืนโดยมีประเด็นสำคัญอยู่ที่ขนาดของงบประมาณและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับระบบสาธารณสุขของประเทศ

การโน้มน้าวให้ร่างกฎหมายผ่านได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แม้แต่ภายในพรรครีพับลิกันเองก็ยังมีเสียงแตก โดย ส.ว. ลิซา เมอร์คาวสกี จากอลาสกา ยอมลงคะแนนเสียงสนับสนุนก็ต่อเมื่อมีการปรับเพิ่มงบประมาณช่วยเหลือด้านอาหารและเพิ่มงบ 50,000 ล้านดอลลาร์สำหรับโรงพยาบาลในชนบท เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการตัดงบ Medicaid ที่จะกระทบประชาชนกลุ่มเปราะบาง

ขณะนี้ ร่างกฎหมายได้ถูกส่งต่อให้สภาผู้แทนราษฎรที่พรรครีพับลิกันถือเสียงข้างมากพิจารณาต่อ โดยโฆษกสภา ไมค์ จอห์นสัน ตั้งเป้าให้ร่างกฎหมายผ่านภายในวันศุกร์นี้ ก่อนวันชาติสหรัฐฯ (4 กรกฎาคม) แต่ยอมรับว่าปัจจัยเรื่องสภาพอากาศและการเดินทางอาจทำให้แผนล่าช้า

ด้านทำเนียบขาวยืนยันว่าทรัมป์จะลงมาช่วยผลักดันเต็มที่ โดยเขากล่าวในรัฐฟลอริดาว่า “นี่คือร่างกฎหมายที่ยอดเยี่ยม มีบางอย่างสำหรับทุกคน และผมคิดว่ามันจะผ่านสภาอย่างราบรื่น” อย่างไรก็ตาม ภายในพรรครีพับลิกันยังคงมีเสียงคัดค้านอย่างชัดเจนจากกลุ่มอนุรักษ์นิยมสายแข็งอย่าง Freedom Caucus ที่เห็นว่าร่างกฎหมายนี้ยังใช้งบประมาณมากเกินไป เช่นเดียวกับสมาชิกสายกลางที่เป็นตัวแทนพื้นที่ยากจนซึ่งกังวลว่าการตัดงบ Medicaid จะส่งผลกระทบหนักต่อประชาชนในเขตเลือกตั้งของตน

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมี ส.ส. รีพับลิกันจากรัฐที่มีภาษีสูง เช่น นิวยอร์ก นิวเจอร์ซีย์ และแคลิฟอร์เนีย ที่เรียกร้องให้ปรับปรุงร่างกฎหมายโดยเพิ่มสิทธิประโยชน์ด้านภาษีในระดับท้องถิ่นให้มากขึ้น ขณะที่มหาเศรษฐีชื่อดังอย่างอีลอน มัสก์ ซึ่งเคยเป็นพันธมิตรกับทรัมป์ในอดีต ถึงกับออกมาวิจารณ์ร่างกฎหมายนี้อย่างรุนแรง พร้อมประกาศจะสนับสนุนผู้ท้าชิงจากรีพับลิกันที่คัดค้านร่างกฎหมายนี้ในการเลือกตั้งกลางเทอมปีหน้า

ฝั่งพรรคเดโมแครตออกมาคัดค้านทั้งพรรคอย่างพร้อมเพรียง โดย ฮาคีม เจฟฟรีส์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า “นี่คือการโจมตีระบบสาธารณสุขของชาวอเมริกันครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และยังเป็นการโจมตีโครงการอาหารของเด็กยากจนครั้งใหญ่ที่สุดด้วย” เช่นเดียวกับ ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา ที่ถึงกับกล่าวว่าการลงมติครั้งนี้ทำให้วุฒิสภาต้องรู้สึกอับอาย เพราะเท่ากับเป็นการพรากระบบสาธารณสุขจากชาวอเมริกันนับล้าน และพรากอาหารจากปากเด็กยากจน

ข้อมูลจากองค์กร Tax Foundation ระบุชัดว่าร่างกฎหมายฉบับนี้จะให้ประโยชน์สูงสุดกับชาวอเมริกัน 1% แรกที่มีรายได้มากกว่า 663,000 ดอลลาร์ต่อปี ขณะที่การตัดงบสวัสดิการจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนผู้มีรายได้น้อยทั้งในด้านค่าอาหารและค่ารักษาพยาบาล นอกจากนี้ สำนักงานงบประมาณรัฐสภาสหรัฐฯ (CBO) ยังคาดการณ์ว่าภายใต้แผนนี้จะทำให้ประชาชนเกือบ 12 ล้านคนไม่มีประกันสุขภาพ

นักวิเคราะห์อิสระจำนวนมากออกมาเตือนว่าการผลักดันร่างกฎหมายนี้เท่ากับเป็นการผลักภาระหนี้ก้อนมหาศาลไปให้คนรุ่นใหม่ ขณะที่คนร่ำรวยในปัจจุบันกลับได้ประโยชน์เต็ม ๆ ไม่ต่างอะไรจากการโอนความมั่งคั่งจากอนาคตของประเทศให้กับคนที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน