KEY
POINTS
อิสราเอล โจมตีสถานที่ทางทหารและนิวเคลียร์หลายแห่งของอิหร่านในวันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน 2568 ขณะที่ความตึงเครียดทวีความรุนแรงขึ้นถึงขีดสุดจาก โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งกำลังรุดหน้าอย่างรวดเร็ว
เบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล กล่าวว่า การโจมตีครั้งนี้เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อสกัดกั้นสิ่งที่อ้างว่าเป็นภัยคุกคามใกล้เข้ามาที่อิหร่านจะสร้างระเบิดนิวเคลียร์ แม้อิหร่านยืนกรานมาโดยตลอดว่าโครงการมีเป้าหมายเพื่อสันติ และหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ ได้ประเมินว่าอิหร่านไม่ได้กำลังดำเนินการสร้างระเบิดอย่างจริงจัง
การโจมตีเกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลัง คณะกรรมการผู้ว่าการของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) มีมติประณามอิหร่านเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ฐานไม่ให้ความร่วมมือกับผู้ตรวจสอบขององค์กร อิหร่านประกาศทันทีว่าจะสร้างสถานที่เสริมสมรรถนะแห่งที่สามในประเทศ และจะเปลี่ยนเครื่องปั่นแยกยูเรเนียมบางส่วนเป็นรุ่นที่ทันสมัยมากขึ้น
ทั้งนี้ สหรัฐฯ และอิหร่านเคยอยู่ระหว่างการเจรจาที่อาจนำไปสู่การที่สหรัฐฯ ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจที่รุนแรงบางส่วนต่ออิหร่าน แลกกับการที่เตหะรานจะจำกัดอย่างเข้มงวดหรือยุติการเสริมสมรรถนะยูเรเนียม
ต่อไปนี้คือสถานที่สำคัญบางแห่งของอิหร่านและความสำคัญของสถานที่เหล่านั้นต่อโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน
สถานที่นิวเคลียร์ของอิหร่านที่เมืองนันตานซ์ ตั้งอยู่ห่างจากกรุงเตหะรานไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 220 กิโลเมตร (135 ไมล์) เป็นสถานที่หลักของประเทศในการเสริมสมรรถนะยูเรเนียม
ส่วนหนึ่งของสถานที่ตั้งอยู่ใต้ดินบนที่ราบสูงตอนกลางของอิหร่าน เพื่อป้องกันการโจมตีทางอากาศ มีการใช้งานเครื่องปั่นแยกยูเรเนียมหลายชุด (cascades) หรือกลุ่มของเครื่องปั่นแยกที่ทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มความเร็วในการเสริมสมรรถนะยูเรเนียม
อิหร่านยังได้ขุดเจาะเข้าไปในภูเขาคูห์-เอ โกลังกัซลา (Kūh-e Kolang Gaz Lā) ซึ่งอยู่ถัดจากรั้วทางใต้ของนันตานซ์ สถานที่แห่งนี้เคยตกเป็นเป้าหมายของไวรัส Stuxnet ซึ่งเชื่อว่าเป็นผลงานร่วมกันของอิสราเอลและสหรัฐฯ ซึ่งได้ทำลายเครื่องปั่นแยกยูเรเนียมของอิหร่าน และยังเคยถูกโจมตีโดยการก่อวินาศกรรมสองครั้งที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของอิสราเอลเช่นกัน
สถานที่นิวเคลียร์ของอิหร่านที่เมืองฟอร์โด ตั้งอยู่ห่างจากกรุงเตหะรานไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 100 กิโลเมตร (60 ไมล์) ที่นี่ก็มีเครื่องปั่นแยกยูเรเนียมเช่นกัน แต่ไม่ใหญ่เท่ากับสถานที่ที่นันตานซ์
สถานที่นี้ฝังตัวอยู่ใต้ภูเขาและได้รับการคุ้มกันด้วยแบตเตอรีต่อต้านอากาศยาน ดูเหมือนว่าจะถูกออกแบบมาเพื่อทนต่อการโจมตีทางอากาศ
ตามรายงานของคณะกรรมการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ การก่อสร้างสถานที่แห่งนี้เริ่มต้นขึ้นอย่างน้อยในปี 2007 แต่ทางการอิหร่านแจ้งต่อองค์การพลังงานปรมาณูแห่งสหประชาชาติในปี 2009 หลังจากที่หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ และพันธมิตรตะวันตกทราบถึงการมีอยู่ของมัน
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์บูเชห์ (Bushehr nuclear power plant)
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชิงพาณิชย์เพียงแห่งเดียวของอิหร่านตั้งอยู่ที่เมืองบูเชห์ ริมอ่าวเปอร์เซีย ห่างจากกรุงเตหะรานไปทางใต้ราว 750 กิโลเมตร (465 ไมล์) การก่อสร้างโรงไฟฟ้าเริ่มขึ้นในช่วงกลางทศวรรษ 1970 ภายใต้การปกครองของ ชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี ของอิหร่าน หลังการปฏิวัติอิสลามปี 1979 โรงไฟฟ้าแห่งนี้ตกเป็นเป้าหมายซ้ำ ๆ ในช่วงสงครามอิหร่าน-อิรัก ต่อมา รัสเซียได้เข้ามาสร้างโรงไฟฟ้าให้แล้วเสร็จ
ตามรายงานสื่อต่างประเทศ รุบุว่า อิหร่านกำลังสร้างเครื่องปฏิกรณ์อีกสองเครื่องในพื้นที่เดียวกัน โรงไฟฟ้าที่บูเชห์ร์ใช้ยูเรเนียมที่ผลิตในรัสเซีย ไม่ใช่อิหร่าน และอยู่ภายใต้การตรวจสอบของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ
เครื่องปฏิกรณ์น้ำหนักที่เมืองอารัก (Arak heavy water reactor)
เครื่องปฏิกรณ์น้ำหนักที่เมืองอารักอยู่ห่างจากกรุงเตหะรานไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 250 กิโลเมตร (155 ไมล์) น้ำหนักน้ำ (heavy water) ใช้ในการทำความเย็นเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ แต่จะสร้างพลูโทเนียมเป็นผลพลอยได้ ซึ่งสามารถนำไปใช้ผลิตอาวุธนิวเคลียร์ได้
หากอิหร่านต้องการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ พลูโทเนียมจะเป็นอีกเส้นทางหนึ่งนอกจากการใช้ยูเรเนียมเสริมสมรรถนะ อิหร่านเคยตกลงภายใต้ข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 กับมหาอำนาจโลกว่าจะปรับปรุงการออกแบบของเครื่องปฏิกรณ์นี้เพื่อลดความกังวลเรื่องการแพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์
ศูนย์เทคโนโลยีนิวเคลียร์เมืองอิสฟาฮาน (Isfahan Nuclear Technology Center)
ศูนย์แห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองอิสฟาฮาน ห่างจากกรุงเตหะรานไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 350 กิโลเมตร (215 ไมล์) โดยมีนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ทำงานอยู่หลายพันคน ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของเครื่องปฏิกรณ์วิจัยจากจีนสามเครื่อง และห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับโครงการพลังงานปรมาณูของประเทศ
เครื่องปฏิกรณ์วิจัยกรุงเตหะราน (Tehran Research Reactor)
เครื่องปฏิกรณ์วิจัยกรุงเตหะรานตั้งอยู่ที่สำนักงานใหญ่ขององค์การพลังงานปรมาณูแห่งอิหร่าน ซึ่งเป็นหน่วยงานพลเรือนที่ดูแลโครงการปรมาณูของประเทศ สหรัฐฯ เคยมอบเครื่องปฏิกรณ์นี้ให้อิหร่านในปี 1967
ภายใต้โครงการ “Atoms for Peace” ของอเมริกาในช่วงสงครามเย็น ในระยะแรก เครื่องปฏิกรณ์ต้องใช้ยูเรเนียมเสริมสมรรถนะสูง แต่ภายหลังได้ปรับปรุงให้ใช้ยูเรเนียมเสริมสมรรถนะต่ำเพื่อลดความเสี่ยงเรื่องการแพร่ขยายอาวุธ
อ้างอิงข้อมูล