ไม่นานมานี้ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชาเผชิญความตึงเครียดรอบใหม่ หลังเกิดเหตุยิงปะทะบริเวณชายแดนที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดนแน่ชัด ส่งผลให้ทหารกัมพูชานายหนึ่งเสียชีวิต เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และกลายเป็นชนวนที่จุดประเด็นพิพาทดินแดนที่สั่งสมมากว่าศตวรรษให้ปะทุอีกครั้ง
เมื่อย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้น ข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชามีต้นตอมาจากการทำแผนที่เมื่อปีพ.ศ. 2450 สมัยที่กัมพูชายังเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส โดยอ้างแนวสันปันน้ำเป็นเส้นแบ่งเขต แต่ต่อมาไทยได้ปฏิเสธแผนที่ดังกล่าว นับแต่นั้นมาทั้งสองประเทศต่างอ้างสิทธิ์ในพื้นที่บางจุดตามแนวชายแดนกว่า 817 กิโลเมตรที่ยังไม่ถูกแบ่งเขตอย่างชัดเจน
และในปี 2000 ไทยและกัมพูชาตกลงจัดตั้งคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมเพื่อหาทางออกอย่างสันติ แต่กลับแทบไม่มีความคืบหน้า กระทั่งเกิดเหตุรุนแรงหลายครั้งในอดีต โดยเฉพาะข้อพิพาทรอบวัดพระวิหาร ซึ่งแม้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) จะตัดสินให้กัมพูชาเป็นเจ้าของเมื่อปี 2505 แต่ไทยยังคงยืนยันกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่โดยรอบ
ความตึงเครียดยิ่งทวีขึ้นในปี 2551 หลังจากกัมพูชาขึ้นทะเบียนวัดพระวิหารเป็นมรดกโลก จนนำไปสู่การปะทะทางทหารหลายครั้ง รวมถึงเหตุยิงปืนใหญ่กันนานหนึ่งสัปดาห์ในปี 2554 และเมื่อปี 2556 ศาลโลกได้ตีความเพิ่มเติมอีกครั้งว่า พื้นที่รอบวัดเป็นของกัมพูชาและให้ไทยถอนกำลังทหารออก
แม้จะเป็นที่ทราบกันดีว่า ผู้นำรัฐบาลชุดปัจจุบันของไทยและกัมพูชาจะมีสายสัมพันธ์ที่ดี โดยเฉพาะความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างอดีตผู้นำทั้งสองอย่างนายทักษิณ ชินวัตร และนายฮุน เซน ซึ่งทายาทของทั้งคู่ปัจจุบันเป็นนายกรัฐมนตรีของแต่ละประเทศ แต่กระแสชาตินิยมในไทยยังเพิ่มสูงขึ้นในช่วงไม่นานมานี้
รวมถึง เมื่อมีข่าวว่าไทยอาจเจรจาร่วมพัฒนาทรัพยากรในพื้นที่ทางทะเลกับกัมพูชา ซึ่งหลายฝ่ายเกรงว่าไทยอาจเสียเกาะกูดให้กับเพื่อนบ้าน ขณะที่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กลุ่มชาวกัมพูชาร้องเพลงชาติของตนในพื้นที่วัดตาโมนธมซึ่งไทยก็อ้างกรรมสิทธิ์ ทำให้ทหารไทยเข้าระงับสถานการณ์
ทั้งนี้ รัฐบาลไทยภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ซึ่งกำลังเผชิญแรงกดดันจากปัญหาเศรษฐกิจและการค้าต่างประเทศ อาจถูกมองว่ากำลังเดินบนเส้นทางลำบากระหว่างการรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตและการรับมือแรงกดดันจากฝ่ายทหาร ซึ่งแสดงจุดยืนแข็งกร้าว ที่พร้อมปฏิบัติการหากอธิปไตยถูกคุกคาม
ขณะเดียวกัน ฝ่ายกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์ว่า กลไกปัจจุบันไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ และเตรียมนำข้อพิพาท 4 จุดยื่นต่อศาลโลกอีกครั้ง โดยอ้างว่าเป็นประเด็นอ่อนไหวที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรง
อย่างไรก็ตาม ไทยยังไม่ยอมรับอำนาจของศาลโลกในกรณีนี้ และยืนยันว่าปัญหาชายแดนควรได้รับการเจรจาแบบทวิภาคี ล่าสุด ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะจัดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ โดยต่างออกแถลงการณ์ยืนยันความตั้งใจที่จะรักษาสันติภาพและอธิปไตยของตนเอง พร้อมเคลื่อนย้ายกำลังทหารใกล้แนวชายแดนเพื่อลดแรงปะทะ
ในขณะเดียวกันที่สถานการณ์ยังคงตึงเครียด เส้นทางการแก้ไขข้อพิพาทระหว่างสองประเทศยังต้องอาศัยทั้งความอดทน การทูต และการประสานความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความร้าวฉานทางประวัติศาสตร์และนำไปสู่การเผชิญหน้าครั้งใหม่ในภูมิภาคอาเซียนที่ยังมีเปราะบางอยู่เช่นเดียวกัน