ไทม์ไลน์ศึกทรัมป์–ฮาร์วาร์ด สู่จุดแตกห้ามรับ นศ.ต่างชาติ

23 พ.ค. 2568 | 07:30 น.
อัปเดตล่าสุด :23 พ.ค. 2568 | 07:42 น.

ล่าสุดรัฐบาลทรัมป์สั่งแบนฮาร์วาร์ดไม่ให้รับนักศึกษาต่างชาติ และบีบนักเรียนต้องย้ายมหาลัยภายในเวลาอันจำกัด ชวนย้อนดูเส้นทางความขัดแย้งระหว่าง ทรัมป์–ฮาร์วาร์ด

รัฐบาลของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้แนวทางแข็งกร้าวกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐฯ โดยเฉพาะต่อท่าทีของพวกเขาต่อการประท้วงสนับสนุนปาเลสไตน์ ตลอดจนการส่งเสริมความหลากหลาย และเนื้อหาหลักสูตรการเรียนการสอนต่าง ๆ โดยมาตรการเมื่อวันพฤหัสบดีที่สั่งห้ามมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดรับนักเรียนต่างชาติ ถือเป็นการยกระดับความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมาหลายเดือน

นักวิจารณ์มองว่าต้นตอมาจากข้อกล่าวหาว่า มหาวิทยาลัยมีแนวโน้มต่อต้านชาวยิวอย่างไม่มีมูลความจริง คริสตี โนเอม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ระบุในแถลงการณ์ว่า รัฐบาลกำลังทำให้ฮาร์วาร์ดต้องรับผิดชอบต่อการปลุกปั่นความรุนแรง ต่อต้านชาวยิว และประสานงานกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนภายในมหาวิทยาลัย

ทางฮาร์วาร์ดออกแถลงการณ์ตอบโต้ว่า มาตรการล่าสุดนั้นผิดกฎหมายและเป็น การกระทำเพื่อตอบโต้ทางการเมือง

ไทม์ไลน์ศึกทรัมป์–ฮาร์วาร์ด

ธันวาคม 2023 

จุดเริ่มต้นของความตึงเครียดย้อนกลับไปหลังเหตุโจมตีทางใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 และปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในฉนวนกาซา ซึ่งมีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 53,655 ราย คำให้การของประธานมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดขณะนั้นคือ Claudine Gay ต่อสภาคองเกรสเกี่ยวกับท่าทีต่อการประท้วงสนับสนุนปาเลสไตน์ จุดชนวนความไม่พอใจในหมู่นักการเมือง

โดยเฉพาะจากพรรครีพับลิกันที่เรียกร้องให้มีการปราบปรามอย่างเด็ดขาด Gay ลาออกจากตำแหน่งในเวลาต่อมา และ Alan Garber เข้ารับตำแหน่งแทนในเดือนสิงหาคม 2024

มกราคม 2025 

ทรัมป์รับตำแหน่งประธานาธิบดี โดยมีนโยบายหาเสียงว่าจะกวาดล้างการประท้วงสนับสนุนปาเลสไตน์, โครงการความหลากหลาย ความเสมอภาค และการมีส่วนร่วม (DEI) ตลอดจน “อุดมการณ์ตื่นรู้ (woke)” ในมหาวิทยาลัย

เขายังลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารหลายฉบับเพื่อให้หน่วยงานรัฐดำเนินมาตรการต่อต้านโครงการ DEI ในสถาบันเอกชน รวมถึงมหาวิทยาลัย พร้อมทั้งเพิ่มมาตรการต่อต้านการต่อต้านชาวยิวโดยเฉพาะในมหาวิทยาลัย

กุมภาพันธ์ 2025

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ตั้งหน่วยเฉพาะกิจเพื่อตรวจสอบการคุกคามชาวยิวในโรงเรียนและมหาวิทยาลัย หน่วยงานประกาศจะตรวจเยี่ยม 10 สถาบัน ซึ่งรวมถึงฮาร์วาร์ด, โคลัมเบีย, จอร์จ วอชิงตัน, จอห์น ฮอปกินส์, นิวยอร์ก, นอร์ธเวสเทิร์น, แคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส, แคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์, มินนิโซตา และเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย

7 มีนาคม 2025

รัฐบาลทรัมป์ดำเนินมาตรการกับมหาวิทยาลัยครั้งแรก โดยตัดงบประมาณรัฐบาลกลาง 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย โดยกล่าวหาว่า เพิกเฉยต่อการคุกคามนักศึกษายิวอย่างต่อเนื่อง กระทรวงศึกษาธิการส่งจดหมายเตือนไปยังฮาร์วาร์ดและมหาวิทยาลัยอื่น ๆ หลายสิบแห่งว่าจะมีการบังคับใช้กฎหมายเพิ่มเติม

21 มีนาคม 2025

โคลัมเบียยอมทำตามข้อเรียกร้องของทรัมป์ รวมถึงห้ามสวมหน้ากาก, ให้อำนาจตำรวจมหาวิทยาลัยจับกุมได้ และตั้งผู้บริหารคนใหม่ควบคุมภาควิชาศึกษาตะวันออกกลาง เอเชียใต้ แอฟริกา และศูนย์ปาเลสไตน์ศึกษา

31 มีนาคม 2025

กระทรวงศึกษาธิการ (ED), กระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ (HHS), และสำนักงานบริหารบริการทั่วไป (GSA) ประกาศตรวจสอบสัญญาของฮาร์วาร์ดมูลค่า 255.6 ล้านดอลลาร์ และทุนสนับสนุนหลายปีรวม 8.7 พันล้านดอลลาร์ ระบุว่าการตรวจสอบเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างต่อเนื่องของหน่วยเฉพาะกิจร่วมต่อต้านการต่อต้านชาวยิว

11 เมษายน 2025

ฮาร์วาร์ดได้รับจดหมายแจ้งว่า มหาวิทยาลัยล้มเหลวในการรักษามาตรฐานด้านสติปัญญาและสิทธิเสรีภาพที่ทำให้ได้รับทุนรัฐบาล พร้อมแนบข้อเรียกร้องจากรัฐบาลทรัมป์ ซึ่งรวมถึง ปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารเพื่อลดอำนาจนักศึกษาและบุคลากรบางกลุ่ม ปฏิรูประบบรับเข้าและการจ้างงาน ไม่รับนักศึกษาที่ถูกมองว่า เป็นภัยต่อคุณค่าชาวอเมริกัน ยกเลิกโครงการด้านความหลากหลาย ตรวจสอบหลักสูตรและศูนย์วิชาการหลายแห่ง โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับตะวันออกกลาง

14 เมษายน 2025

ประธานมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด Alan Garber ตอบโต้ข้อเรียกร้องอย่างรุนแรงว่า มหาวิทยาลัยจะไม่ยอมสละความเป็นอิสระหรือสิทธิตามรัฐธรรมนูญ รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศระงับการให้ทุนทั้งหมดทันที รวมถึงทุนหลายปีมูลค่า 2.2 พันล้านดอลลาร์ และสัญญาหลายปีมูลค่า 60 ล้านดอลลาร์

15 เมษายน 2025

ทรัมป์โพสต์ใน Truth Social ว่า ฮาร์วาร์ดอาจถูกเพิกถอนสถานะยกเว้นภาษี และต้องเสียภาษีในฐานะองค์กรการเมือง พร้อมกล่าวหาว่า ฮาร์วาร์ด ผลักดันแนวคิดทางการเมือง อุดมการณ์ และสนับสนุนการก่อการร้าย

16 เมษายน 2025

กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิเรียกร้องให้ฮาร์วาร์ดยื่นเอกสารเกี่ยวกับกิจกรรมที่ผิดกฎหมายและรุนแรงของนักเรียนต่างชาติ และขู่ว่าจะเพิกถอนการรับรองในโครงการนักเรียนและผู้แลกเปลี่ยน (SEVP) ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญในการรับนักศึกษาต่างชาติ โดยให้เส้นตายถึงวันที่ 30 เมษายน

21 เมษายน 2025

ฮาร์วาร์ดยื่นฟ้องรัฐบาลทรัมป์ ฐานละเมิดบทบัญญัติเกี่ยวกับเสรีภาพในการแสดงออกตามรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ พร้อมระบุว่าการตัดงบเป็นการกระทำที่ไร้เหตุผลและตามอำเภอใจ

30 เมษายน 2025

ฮาร์วาร์ดยืนยันว่ามีการส่งข้อมูลที่ คริสตี โนเอม ร้องขอเกี่ยวกับนักศึกษาต่างชาติ แต่ไม่เปิดเผยรายละเอียดของข้อมูลนั้น

2 พฤษภาคม 2025

ทรัมป์ประกาศอีกครั้งว่า รัฐบาลจะเพิกถอนสถานะยกเว้นภาษีของฮาร์วาร์ด แต่ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ ในทันที

5 พฤษภาคม 2025

รัฐบาลทรัมป์ประกาศตัดงบประมาณใหม่จากรัฐบาลกลางทั้งหมดที่จะมอบให้กับฮาร์วาร์ด

13 พฤษภาคม 2025

หน่วยเฉพาะกิจต่อต้านการต่อต้านชาวยิวของสหรัฐฯ ประกาศงบประมาณสนับสนุนใหม่อีก 450 ล้านดอลลาร์จาก 8 หน่วยงานของรัฐบาลกลาง

19 พฤษภาคม 2025

กระทรวงยุติธรรมประกาศจะใช้กฎหมาย False Claims Act ซึ่งโดยทั่วไปใช้เอาผิดผู้รับทุนจากรัฐบาลที่ทุจริต มาจัดการกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่มีนโยบาย DEI โดยเฉพาะฮาร์วาร์ด กระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ยังประกาศยุติการให้ทุน 60 ล้านดอลลาร์แก่ฮาร์วาร์ด

22 พฤษภาคม 2025

คริสตี โนเอม  ประกาศเพิกถอนการรับรองโครงการ SEVP ของฮาร์วาร์ด ทำให้มหาวิทยาลัยไม่สามารถรับนักเรียนต่างชาติใหม่ได้ และนักเรียนที่อยู่เดิมต้องย้ายไปเรียนที่อื่น ฮาร์วาร์ดตอบกลับว่า

เรามุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะรักษาความสามารถในการต้อนรับนักศึกษานานาชาติและนักวิชาการจากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก ซึ่งล้วนช่วยเติมเต็มคุณค่าให้กับฮาร์วาร์ดและประเทศนี้