GDP ญี่ปุ่นทรุด 0.7% ต่อปี ไตรมาสแรกเซ่นภาษีทรัมป์ กดดันส่งออก

16 พ.ค. 2568 | 02:45 น.
อัปเดตล่าสุด :16 พ.ค. 2568 | 03:06 น.

เศรษฐกิจญี่ปุ่นไตรมาสแรกหดตัว 0.2% หรือคิดเป็นรายปี 0.7% จากพิษภาษีทรัมป์ที่ฉุดการส่งออกและบริโภคอ่อนแรง

เศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบปีในไตรมาสเดือนมีนาคม และยังหดตัวในอัตราที่เร็วเกินกว่าที่คาดไว้ ตามข้อมูลที่เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ ซึ่งเน้นย้ำถึงความเปราะบางของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ที่กำลังเผชิญความเสี่ยงจากนโยบายการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ

ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนถึงความท้าทายที่ผู้กำหนดนโยบายกำลังเผชิญ เนื่องจากอัตราภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่สูงขึ้นกำลังกดดันแนวโน้มของเศรษฐกิจญี่ปุ่นซึ่งพึ่งพาการส่งออก โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งเป็นเสาหลักสำคัญ

ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่แท้จริงหดตัวในอัตราปีต่อปี (annualised) ที่ 0.7% ในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคม จากข้อมูลเบื้องต้นของรัฐบาล ซึ่งหดตัวมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 0.2% และเป็นการติดลบต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.4%

การหดตัวครั้งนี้มีสาเหตุจากการบริโภคภาคเอกชนที่ซบเซาและการส่งออกที่ลดลง ซึ่งชี้ให้เห็นว่า เศรษฐกิจกำลังสูญเสียแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ภายนอก แม้กระทั่งก่อนที่ทรัมป์จะประกาศมาตรการภาษี “แบบตอบโต้” เมื่อวันที่ 2 เมษายน

โยชิกิ ชินเกะ (Yoshiki Shinke) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์บริหารของสถาบันวิจัย Dai-ichi Life กล่าวว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นขาดแรงขับเคลื่อน เนื่องจากการส่งออกและการบริโภคที่อ่อนแอ ทำให้เปราะบางต่อแรงกระแทก เช่น ผลกระทบจากภาษีของทรัมป์

เขาเสริมว่า ข้อมูลชุดนี้อาจนำไปสู่เสียงเรียกร้องที่เพิ่มขึ้นให้มีการใช้จ่ายภาครัฐมากขึ้น
และเตือนว่าเศรษฐกิจอาจหดตัวอีกครั้งในไตรมาสที่ 2 ขึ้นอยู่กับว่า ผลกระทบจากภาษีจะรุนแรงแค่ไหนและเกิดขึ้นเมื่อใด

หากดูแบบไตรมาสต่อไตรมาส (Quarter-on-Quarter) เศรษฐกิจหดตัว 0.2% เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ของตลาดที่ประเมินว่าจะหดตัว 0.1%

การบริโภคภาคเอกชน ซึ่งคิดเป็นมากกว่าครึ่งหนึ่งของผลผลิตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น มีค่าไม่เปลี่ยนแปลงในไตรมาสแรก ขณะที่ตลาดคาดว่าจะเติบโต 0.1%

การใช้จ่ายลงทุนภาคเอกชน (Capital Expenditure) เพิ่มขึ้น 1.4% ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 0.8% ตามข้อมูลที่เผยแพร่

อุปสงค์จากภายนอก (External Demand) หักลบออกจากการเติบโตของ GDP ถึง 0.8 จุด จากการที่การส่งออกลดลง 0.6% ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 2.9% ในทางกลับกัน อุปสงค์ภายในประเทศ (Domestic Demand) เพิ่มขึ้น 0.7 จุด

ทาเคชิ มินามิ (Takeshi Minami) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันวิจัยโนรินจูคิน กล่าวว่า การใช้จ่ายลงทุนอาจเพิ่มขึ้นจากการเร่งใช้จ่ายล่วงหน้าเพื่อรับมือกับภาษีทรัมป์ เศรษฐกิจอาจรอดพ้นจากการเติบโตติดลบในไตรมาสเมษายน-มิถุนายน แต่ก็ยังขาดแรงส่งที่ชัดเจน

หากผลกระทบจากภาษีทรัมป์ไม่รุนแรง ธนาคารกลางญี่ปุ่นอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนกันยายนหรือเดือนตุลาคม แต่หากภาษีส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการใช้จ่ายลงทุนและการส่งออก แผนการขึ้นดอกเบี้ยอาจถูกระงับไว้ก่อน

สงครามการค้าโลกที่เริ่มต้นจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ได้สร้างความผันผวนให้กับตลาดการเงิน และซับซ้อนต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ว่าจะสามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้มากแค่ไหนและเมื่อใด

หลังจากที่ ธนาคารกลางญี่ปุ่นหรือ BOJ ยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องยาวนานเมื่อปีที่แล้ว BOJ ได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 0.5% ในเดือนมกราคม และส่งสัญญาณพร้อมจะเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อ หากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจระดับปานกลางยังช่วยให้ญี่ปุ่นเดินหน้าไปสู่เป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% อย่างมั่นคง

ความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจากผลกระทบของทรัมป์ ทำให้ BOJ ต้องปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจลงอย่างมากในการประชุมเมื่อวันที่ 30 เมษายน-1 พฤษภาคม และทำให้เกิดข้อสงสัยต่อมุมมองของ BOJ ที่ว่า การปรับขึ้นค่าแรงอย่างต่อเนื่องจะช่วยสนับสนุนการบริโภคและเศรษฐกิจในวงกว้าง

แม้ว่าการคลี่คลายความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะช่วยบรรเทาความกังวลของตลาดและผู้กำหนดนโยบายลงบ้าง แต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่า ญี่ปุ่นจะสามารถได้รับการยกเว้นภาษีจากสหรัฐฯ ในการเจรจาการค้าแบบทวิภาคีกับวอชิงตันหรือไม่

ข้อมูล GDP ที่ซบเซาเช่นนี้ อาจเพิ่มแรงกดดันต่อ นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ รับฟังเสียงเรียกร้องจากสมาชิกสภาที่ต้องการให้มีการลดภาษี หรือจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่