เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ และจีนมีกำหนดพบกันที่สวิตเซอร์แลนด์ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ เพื่อเจรจาเพื่อลดความตึงเครียดจากสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้น ภายหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เริ่มใช้นโยบายเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนในวงกว้าง และจีนก็ตอบโต้กลับด้วยมาตรการที่รุนแรงเช่นกัน
สก็อตต์ เบสเซนต์ (Scott Bessent) รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ และ เจมีสัน เกรียร์ (Jamieson Greer) ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เตรียมหารือกับ เหอ ลี่เฟิง (He Lifeng) รองนายกรัฐมนตรีจีน ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในวันเสาร์ที่ 10 และอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม ซึ่งเป็นการเจรจาระดับสูงครั้งแรกนับตั้งแต่ทรัมป์เพิ่มภาษีสินค้าอย่างรุนแรงต่อจีนเมื่อเดือนที่แล้ว
ภาษีศุลกากรที่กำหนดกับจีนตั้งแต่ต้นปีรวมแล้วสูงถึง 145% และในบางรายการสูงถึง 245% ในขณะที่จีนตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีสินค้าสหรัฐฯ ถึง 125% ส่งผลให้เกิดสภาพคล้าย “การแบนทางการค้า” ระหว่างสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก
ทรัมป์ส่งสัญญาณเมื่อวันศุกร์ว่า อาจจะลดภาษีอัตราสูงที่เรียกเก็บจากจีน โดยโพสต์ในโซเชียลมีเดียว่า
ภาษี 80% สำหรับจีนดูเหมาะสมดี
ต่อมา โฆษกทำเนียบขาว คาโรไลน์ ลีวิตต์ (Karoline Leavitt) ชี้แจงว่า ทรัมป์จะไม่ลดภาษีโดยลำพัง และจีนก็ต้องยอมอ่อนข้อด้วยเช่นกัน
บิล เรนช์ (Bill Reinsch) ที่ปรึกษาอาวุโสจากศูนย์ยุทธศาสตร์และการศึกษาระหว่างประเทศ (CSIS) กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนตอนนี้ไม่ดีนัก ภาษีที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าทั้งสองทาง ความสัมพันธ์กำลังแย่ลง แต่การพบกันครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดี
ผมคิดว่าการพบกันครั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายยังยินดีที่จะพูดคุยกัน ซึ่งแค่นี้ก็สำคัญมากแล้ว
ซวี่ ปิน (Xu Bin) ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์และการเงินจากสถาบันธุรกิจนานาชาติยุโรป-จีน (CEIBS) ให้สัมภาษณ์กับ AFP ว่า เพราะจีนเป็นประเทศเดียวที่ตอบโต้ภาษีของทรัมป์แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน
โงซี โอคอนโจ-อิเวอาลา (Ngozi Okonjo-Iweala) ผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO) ที่ตั้งอยู่ในกรุงเจนีวา กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า ยินดีต้อนรับการเจรจาครั้งนี้ โดยเรียกว่าการพบกันเป็น ก้าวเชิงบวกและสร้างสรรค์ในการคลี่คลายปัญหา
การเจรจาอย่างต่อเนื่องระหว่างสองประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลกเป็นกุญแจสำคัญในการลดความตึงเครียดทางการค้า ป้องกันการแบ่งขั้วทางภูมิรัฐศาสตร์ และรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลก
ทั้งนี้ สหรัฐเเละจีนเตรียมหารือกันสองวันหลังจากทรัมป์ประกาศข้อตกลงการค้าฉบับประวัติศาสตร์กับสหราชอาณาจักร ซึ่งถือเป็นข้อตกลงแรกนับตั้งแต่เขาเปิดฉากเก็บภาษีทั่วโลกเมื่อเดือนก่อน
ข้อตกลงความยาว 5 หน้าซึ่งไม่มีผลทางกฎหมาย ได้สร้างความมั่นใจให้นักลงทุนว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ยังยินดีเจรจาเพื่อผ่อนปรนภาษีเฉพาะภาคส่วน เกี่ยวกับรถยนต์ เหล็ก และอะลูมิเนียมจากอังกฤษ
ขณะเดียวกัน อังกฤษก็ยอมเปิดตลาดให้สินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ เช่น เนื้อวัว แต่ฐานภาษี 10% สำหรับสินค้าจากอังกฤษส่วนใหญ่ยังคงอยู่ และทรัมป์ยังยืนยันว่าจะคงอัตราดังกล่าวไว้กับประเทศอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างเจรจากับสหรัฐฯ ด้วย