สงครามคำพูด สหรัฐฯ-จีนขัดแย้ง สะเทือนความเชื่อมั่นการค้าโลก

26 เม.ย. 2568 | 05:30 น.

สหรัฐฯ -จีน ขัดแย้งผ่านคำแถลงสวนทางกัน ท่ามกลางการเจรจาการค้า ทรัมป์ยืนยันมีการพูดคุย แต่จีนโต้กลับไม่มีการหารือ เพิ่มแรงกดดันต่อความเชื่อมั่นเศรษฐกิจโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร TIME ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า สหรัฐกำลังเจรจาภาษีกับจีน แต่ทางจีนกลับปฏิเสธ เป็นสัญญาณที่ขัดแย้งกันล่าสุดเกี่ยวกับความคืบหน้าในการลดความตึงเครียดของสงครามการค้าที่กำลังคุกคามการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

ทรัมป์บอกกับ TIME ว่า มีการเจรจากัน และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนได้โทรศัพท์หาเขา ซึ่งทรัมป์ย้ำเรื่องนี้กับผู้สื่อข่าวอีกครั้งในช่วงเช้าวันศุกร์ ก่อนออกเดินทางจากทำเนียบขาวไปยังกรุงโรมเพื่อเข้าร่วมพิธีศพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส

จีนโต้ตอบผ่านแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งโพสต์โดยสถานทูตจีนในสหรัฐฯ "สหรัฐฯ ควรหยุดสร้างความสับสน" จีนและสหรัฐฯ ไม่ได้มีการหารือหรือเจรจาใด ๆ เกี่ยวกับภาษี

ทรัมป์ยังได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันในวันศุกร์ว่า จะถือเป็นชัยชนะหากจีนเปิดตลาดให้สินค้าสหรัฐฯ และภาษีอาจทำให้เกิดสิ่งนั้นได้

เปิดตลาดจีนให้เสรีเถอะ รู้ไหม ปล่อยให้เราเข้าไปทำงานในจีน นั่นจะเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม เป็นชัยชนะครั้งใหญ่ แต่ผมไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าจะขอเรื่องนี้ เพราะพวกเขาไม่อยากเปิด

หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน กล่าวว่าจีนเคารพกฎระเบียบระหว่างประเทศที่เกี่ยวกับภาษีที่สหรัฐฯ กำหนด และจะพยายามสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับประเทศอื่น ๆ

บางประเทศยึดถือผลประโยชน์ของตัวเอง ใช้วิธีการกดดัน บีบบังคับ และก่อสงครามการค้าโดยไม่มีเหตุผล เผยให้เห็นถึงความเห็นแก่ตัวอย่างรุนแรง

โดย หวัง อี้ กล่าวนอกรอบการประชุมภูมิภาคที่คาซัคสถาน ตามแถลงการณ์จากกระทรวงการต่างประเทศของจีน

การปะทะกันไปมา ยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนอย่างมากเกี่ยวกับนโยบายภาษีของทรัมป์ ซึ่งไม่เพียงแค่กับจีน แต่ยังรวมถึงประเทศอื่นที่ต่างเร่งรีบทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ เพื่อลดภาระภาษีนำเข้าจำนวนมากที่ได้ประกาศใช้ตั้งแต่กลับเข้าสู่ทำเนียบขาวในเดือนมกราคม

ทีมเจรจาของทรัมป์ได้เจรจาการค้าแบบเร่งด่วนกับเจ้าหน้าที่ต่างชาติที่หลั่งไหลเข้ามาที่กรุงวอชิงตันในสัปดาห์นี้ เนื่องในโอกาสการประชุมของ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และกลุ่มธนาคารโลก (World Bank Group) แม้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัมป์ เช่น รัฐมนตรีคลัง สกอตต์ เบสเซนต์ จะกล่าวถึงความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว แต่เจ้าหน้าที่จากประเทศต่าง ๆ ก็แสดงความระมัดระวังมากกว่า รัฐมนตรีการคลังหลายประเทศที่เข้าร่วมประชุม IMF ต่างเร่งกลับประเทศด้วยความตระหนักถึงความเสี่ยงที่ภาษีนำเข้ากำลังก่อให้เกิด

ปาสคาล โดโนฮิว รัฐมนตรีคลังไอร์แลนด์ กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ 

ผมออกจากการประชุมครั้งนี้ด้วยความชัดเจนในทุกสิ่งที่กำลังเดิมพัน ทั้งความเสี่ยงต่อการจ้างงาน การเติบโต และมาตรฐานชีวิตทั่วโลก การประชุมครั้งนี้เตือนให้ผมตระหนักว่า เราต้องทำทุกวิถีทางในอีกไม่กี่สัปดาห์และเดือนข้างหน้า เพื่อดูว่าเราจะลดความไม่แน่นอนนั้นได้อย่างไร

แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนว่ามีข้อตกลงใดเกิดขึ้นจริงเพื่อหลีกเลี่ยงการเพิ่มภาษีที่อาจเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม แต่ก็มีสัญญาณบ่งชี้บางประการว่าความตึงเครียดเริ่มลดลง จีนได้ยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้าบางรายการจากสหรัฐฯ โดยกลุ่มธุรกิจระบุว่า จีนได้อนุญาตให้ยานำเข้ายาบางชนิดจากสหรัฐฯ เข้าประเทศโดยไม่ต้องเสียภาษี 125% ซึ่งเป็นอัตราที่จีนเพิ่งกำหนดขึ้นเมื่อต้นเดือนนี้ เพื่อตอบโต้ภาษี 145% ของทรัมป์ที่เก็บกับสินค้าจีน

นอกจากนี้ ยังมีรายชื่อสินค้าจำนวน 131 หมวดหมู่ที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณายกเว้นภาษี ถูกส่งต่อในหมู่ธุรกิจและกลุ่มการค้า แม้จะไม่สามารถตรวจสอบได้ก็ตามว่ารายการนี้จริงหรือไม่ รายการดังกล่าวรวมถึงวัคซีน สารเคมี และเครื่องยนต์เจ็ต และจีนยังไม่ได้สื่อสารเกี่ยวกับประเด็นนี้อย่างเป็นทางการ

ทรัมป์บอกกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า ใกล้จะได้ข้อตกลงกับญี่ปุ่น ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็นกรณีทดสอบ สำหรับข้อตกลงการค้าแบบทวิภาคีอื่น แม้การเจรจาอาจจะเป็นเรื่องยาก คาดว่าทั้งนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ และทรัมป์ อาจประกาศข้อตกลงกันได้ในการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศ G7 ที่แคนาดาในเดือนมิถุนายน

ทรัมป์ยังบอกกับ TIME ว่า ได้ทำ "ข้อตกลง 200 รายการ" ซึ่งจะเสร็จสิ้นภายในสามถึงสี่สัปดาห์ แม้ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเพิ่มเติมก็ตาม เขากล่าวว่า หากภาษียังคงอยู่ที่ 20%-50% ในปีหน้า จะถือเป็นชัยชนะโดยสมบูรณ์ 

ประธานาธิบดีทรัมป์ให้เหตุผลว่า มาตรการกีดกันทางการค้าจะฟื้นฟูอุตสาหกรรมการผลิตของสหรัฐฯ ที่เคยถูกแข่งขันจากทั่วโลก เเต่นักเศรษฐศาสตร์เตือนกันว่า มาตรการดังกล่าวจะทำให้ราคาสินค้าในสหรัฐฯ สูงขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะถดถอย หุ้นสหรัฐฯ กำลังอยู่ในเส้นทางบวกประจำสัปดาห์ แม้จะลดลงไปราว 10% ตั้งแต่ทรัมป์กลับเข้าสู่ทำเนียบขาวในเดือนมกราคม และล้าหลังกว่าดัชนีในประเทศอื่น ๆ ขณะเดียวกัน ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ก็ร่วงลงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หุ้นยุโรปและเอเชียต่างมุ่งหน้าสู่การบวกสองสัปดาห์ติดต่อกันในวันศุกร์ที่ผ่านมา

นโยบายภาษีของทรัมป์กลายเป็นประเด็นหลักในการหารือที่การประชุม IMF ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรัฐมนตรีคลังจากหลายประเทศต่างพยายามขอพบหารือเป็นการส่วนตัวกับรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เบสเซนต์กล่าวว่าการเจรจาเบื้องต้นกับเกาหลีใต้เมื่อวันพฤหัสบดีประสบความสำเร็จอย่างมาก ซึ่งทางเกาหลีใต้มองว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีและจะมีการเจรจาต่อเนื่องในสัปดาห์หน้า สวิตเซอร์แลนด์ก็ระบุว่าพอใจกับการพบปะกับเบสเซนต์

ขณะที่สำนักงานการค้าสหรัฐฯ ระบุว่า ยังมีการเจรจาอย่างต่อเนื่องกับญี่ปุ่นและประเทศอื่น ๆ แต่การตัดสินใจสุดท้ายจะขึ้นอยู่กับทรัมป์ เเต่ยังไม่มีสัญญาณความคืบหน้าเป็นรูปธรรมจากประเทศอื่น ๆ แม้ว่า คริสตาลินา จอร์เจียวา กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) จะเตือนในสัปดาห์นี้ว่า ความขัดแย้งทางการค้าอาจก่อให้เกิดการชะลอตัวของการเติบโตทั่วโลกอย่างรุนแรง