ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนออกแถลงการณ์สำคัญระหว่างการพบหารือกับประธานาธิบดีอิลฮัม อาลีเยฟ แห่งอาเซอร์ไบจาน ซึ่งเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 22-24 เมษายน โดยสีจิ้นผิงได้เน้นย้ำจุดยืนของจีนว่า “ภาษีและสงครามการค้าสร้างความเสียหายต่อระเบียบเศรษฐกิจโลก” พร้อมวิจารณ์ว่าการใช้มาตรการกีดกันทางการค้าเป็นการบ่อนทำลายสิทธิอันชอบธรรมของทุกประเทศ กระทบระบบการค้าพหุภาคี และส่งผลร้ายต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระดับสากล
การประชุมครั้งนี้มีความสำคัญไม่เพียงในเชิงทวิภาคี แต่ยังสะท้อนท่าทีของจีนในระดับโลกท่ามกลางกระแสการค้าโลกที่ยังเปราะบาง สีจิ้นผิงเน้นว่าจีนพร้อมร่วมมือกับอาเซอร์ไบจานในการปกป้องระบบระหว่างประเทศที่มีองค์การสหประชาชาติเป็นแกนกลาง และจะเดินหน้าความร่วมมือด้านกฎหมาย ความมั่นคง และการบังคับใช้กฎหมายอย่างลึกซึ้ง
ไฮไลต์สำคัญจากการเยือนครั้งนี้คือ การประกาศ “การจัดตั้งความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์อย่างครอบคลุม” ระหว่างจีนและอาเซอร์ไบจาน ซึ่งเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในเอกสารความร่วมมือรวมทั้งสิ้น 20 ฉบับ ภายใต้กรอบริเริ่ม Belt and Road Initiative (BRI) ครอบคลุมหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นกฎหมาย การพัฒนาอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจดิจิทัล ทรัพย์สินทางปัญญา ไปจนถึงอุตสาหกรรมอวกาศ
อาเซอร์ไบจาน ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคคอเคซัสโดยมีพรมแดนติดกับอิหร่าน รัสเซีย จอร์เจีย และอาร์เมเนีย ถือเป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ที่ประกาศสนับสนุนโครงการ Belt and Road ของจีน ซึ่งเริ่มต้นโดยประธานาธิบดีสีจิ้นผิงในปี 2013 เพื่อขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ของจีนผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก
ในโอกาสนี้ ทั้งสองประเทศยังได้ลงนามข้อตกลงยกเว้นวีซ่าสำหรับพลเมืองที่ถือหนังสือเดินทางธรรมดา และประกาศส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือในหลายด้าน โดยเฉพาะการขยายตลาดสำหรับสินค้าเกษตรคุณภาพสูงและพลังงานหมุนเวียน
ที่สำคัญ จีนแสดงความมุ่งมั่นว่าจะเดินหน้าร่วมมือกับอาเซอร์ไบจานและประเทศอื่นๆ ที่อยู่ตามเส้นทาง Belt and Road ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านศุลกากร การขนส่งสินค้าให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมผลักดันการสร้างเส้นทางเชื่อมต่อใหม่จากจีนสู่ยุโรปผ่านเส้นทางข้ามทะเลแคสเปียน (Trans-Caspian Express) ที่ปลอดภัยและมีเสถียรภาพ