กัมพูชาต้อนรับ “สี จิ้นผิง” กลางศึกภาษีทรัมป์ หวังเงินจีนหนุนคลองหมื่นล้าน

17 เม.ย. 2568 | 11:00 น.

“สี จิ้นผิง” เยือนกัมพูชา หารือโครงการโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมส่งสัญญาณต้านนโยบายกีดกันการค้า ขณะกัมพูชาหวังรับเงินสนับสนุนโครงการคลองใหญ่

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เยือนกัมพูชา นับเป็นจุดสิ้นสุดของการเดินทางเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามประเทศ ซึ่งรวมถึงเวียดนามและมาเลเซีย ท่ามกลางกระแสความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากการตั้งกำแพงภาษี โดยเฉพาะในยุคของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

สำหรับกัมพูชา การมาเยือนของผู้นำจีนครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญในการสานต่อความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจีนถือเป็นพันธมิตรหลักที่ลงทุนในโครงการสำคัญมูลค่ามหาศาล ทั้งถนน สนามบิน และโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่หลายแห่งในประเทศ โดยจีนยังเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของกัมพูชาอีกด้วย

เมียะ ซกเสน โฆษกกระทรวงการคลังของกัมพูชา เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า รัฐบาลกัมพูชาคาดหวังว่าการเยือนของสี จิ้นผิง จะนำไปสู่ความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยหนึ่งในโครงการสำคัญที่กัมพูชาหวังจะได้รับการสนับสนุนคือ โครงการขุดคลองฟุนันเตโช ความยาว 180 กิโลเมตร ซึ่งถูกมองว่าเป็นโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่ทะเยอทะยานที่สุดของประเทศในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม แม้จีนจะแสดงบทบาทเป็นผู้สนับสนุนหลักของโครงการนี้ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีคำมั่นทางการเงินอย่างเป็นทางการจากปักกิ่ง รัฐบาลกัมพูชาเองก็เคยปรับเปลี่ยนคำแถลงหลายครั้ง จากเดิมที่ระบุว่าจีนจะรับผิดชอบต้นทุนโครงการทั้งหมด กลับกลายเป็นการแบ่งภาระ 49% จากมูลค่ารวมประมาณ 12,240 ล้านหยวน หรือ 62,900 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเกือบ 4% ของ GDP กัมพูชา

โครงการคลองฟุนันเตโช จะเชื่อมแม่น้ำโขงบริเวณใกล้กรุงพนมเปญกับชายฝั่งอ่าวไทย มีเป้าหมายเพื่อเบี่ยงเบนน้ำออกจากพื้นที่ปลูกข้าวที่เปราะบางบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง และลดการพึ่งพาการขนส่งผ่านท่าเรือของเวียดนาม อย่างไรก็ดี โครงการนี้ยังเผชิญแรงต้านจากเวียดนามซึ่งแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม

ในการเผยแพร่บทความลงสื่อกัมพูชาเมื่อช่วงเช้า สี จิ้นผิง เรียกร้องให้กัมพูชาต่อต้าน “ลัทธิเฮกเจโมนี” และ “ลัทธิปกป้องการค้า” ซึ่งเป็นถ้อยแถลงที่สอดคล้องกับสิ่งที่ได้ส่งสารถึงเวียดนามและมาเลเซียก่อนหน้านี้ โดยสะท้อนถึงท่าทีของจีนต่อมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ภายใต้ยุคทรัมป์ ซึ่งสร้างผลกระทบต่อหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงกัมพูชาที่เป็นผู้ส่งออกเสื้อผ้าและรองเท้ารายใหญ่ไปยังสหรัฐฯ และเคยถูกเก็บภาษีในอัตราสูงถึง 49% ก่อนที่สหรัฐฯ จะชะลอการจัดเก็บภาษีดังกล่าวไว้จนถึงเดือนกรกฎาคมนี้

นอกจากประเด็นเศรษฐกิจ สี จิ้นผิง ยังใช้โอกาสนี้เรียกร้องให้กัมพูชาปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์และการหลอกลวงออนไลน์อย่างจริงจัง โดยเฉพาะกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติที่ดำเนินการโดยชาวจีนในประเทศกัมพูชา ซึ่งมักตกเป็นข่าวเกี่ยวกับศูนย์หลอกลวงที่ใช้แรงงานบังคับ ทั้งนี้ ก่อนการมาเยือนของสี รัฐบาลกัมพูชาได้เนรเทศ “อาชญากรชาวจีน” หลายรายกลับประเทศ รวมถึงชาวไต้หวันบางส่วน ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่รัฐบาลไต้หวัน

แม้การเยือนครั้งนี้จะได้รับการกล่าวถึงอย่างกว้างขวาง แต่กลับไม่มีการประกาศเงินกู้ใหม่จากจีนให้แก่กัมพูชาในปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนจากช่วงก่อนหน้า ที่จีนมักจะปล่อยเงินกู้หลายร้อยล้านดอลลาร์ให้แก่ประเทศพันธมิตร โดยสาเหตุหนึ่งอาจมาจากปัญหาเศรษฐกิจภายในของจีน และความระมัดระวังต่อการลงทุนในต่างประเทศ หลังโครงการความร่วมมือบางส่วนประสบความล้มเหลว

ถึงแม้จะไม่มีข้อตกลงทางเศรษฐกิจใหม่ที่เป็นรูปธรรม แต่การเยือนของสี จิ้นผิงก็เน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ “แน่นแฟ้นดั่งเหล็กกล้า” ระหว่างจีนกับกัมพูชา ที่ยังคงยืนหยัดแม้จะเผชิญความท้าทายหลากหลาย ทั้งในมิติเศรษฐกิจ การเมือง และความมั่นคง ขณะที่นักการทูตตะวันตกในกัมพูชารายหนึ่งให้ความเห็นว่า การเยือนของผู้นำจีนครั้งนี้ “เต็มไปด้วยธง, บันทึกความเข้าใจ และฉากประทับใจ แต่อาจขาดเนื้อหาที่เป็นรูปธรรม”

อย่างไรก็ดี สำหรับกัมพูชาที่ต้องเผชิญแรงกดดันจากภาษีของสหรัฐฯ และต้องการเงินทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ความสัมพันธ์กับจีนยังคงเป็นหนึ่งในเส้นทางหลักที่รัฐบาลกัมพูชาเลือกจะเดินต่อไปในอนาคตอันใกล้