“ภาษีทรัมป์” ฉุดโลกใช้น้ำมันน้อยลง IEA หั่นคาดการณ์ความต้องการน้ำมันลดฮวบ

16 เม.ย. 2568 | 23:00 น.


IEA หั่นคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันโลกในปีนี้ลง 1 ใน 3 เหตุภาษีทรัมป์สร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก จับตาสงครามการค้าฉุดราคาน้ำมัน-ฉุดอุตสาหกรรมพลังงานสหรัฐ

ความต้องการใช้น้ำมันดิบของโลกในปีนี้อาจไม่เติบโตตามที่คาดไว้ องค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ออกโรงเตือนว่า มาตรการขึ้นภาษีศุลกากรของโดนัลด์ ทรัมป์ อาจสร้างความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ต้องปรับลดคาดการณ์การเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันโลกลงถึงหนึ่งในสาม

IEA ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงปารีส เคยประเมินว่า ความต้องการน้ำมันดิบของโลกในปีนี้จะเพิ่มขึ้นถึง 1.03 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ภายหลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากทั่วโลกโดยเฉพาะจีน ภายใต้แนวคิด “วันปลดแอก” หรือ Liberation Day ทางหน่วยงานจึงปรับลดตัวเลขดังกล่าวลงเหลือเพียง 730,000 บาร์เรลต่อวัน และยังเตือนว่าหากสงครามการค้าเดินหน้ารุนแรงขึ้น ความต้องการน้ำมันอาจลดลงไปอีก

IEA ชี้ว่า แม้การนำเข้าน้ำมัน ก๊าซ และผลิตภัณฑ์กลั่นจะได้รับการยกเว้นจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ แต่ความกังวลว่ามาตรการเหล่านี้จะกระตุ้นเงินเฟ้อ ชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเพิ่มความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างประเทศ ล้วนเป็นปัจจัยที่กดดันราคาน้ำมันในตลาดโลกอย่างมีนัยสำคัญ

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคยร่วงจากระดับเกือบ 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีที่ต่ำกว่า 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ หลังจากรัฐบาลทรัมป์ประกาศชุดมาตรการภาษีครั้งใหญ่ แม้ต่อมาราคาน้ำมันจะดีดตัวกลับขึ้นมาอยู่ที่ราว 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันอังคาร หลังทรัมป์ตัดสินใจชะลอการเก็บภาษีบางส่วนออกไปอีก 90 วันเพื่อรอการเจรจา แต่ความกลัวภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยยังคงเป็นแรงฉุดไม่ให้ตลาดฟื้นตัวอย่างเต็มที่

ผลกระทบที่เกิดขึ้นยังส่งผลต่อมุมมองของธนาคารรายใหญ่ทั่วโลกต่อแนวโน้มราคาน้ำมัน โดยธนาคาร UBS จากสวิตเซอร์แลนด์ได้หั่นคาดการณ์ราคาน้ำมันลง 12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เหลือ 68 ดอลลาร์ในปีนี้ ขณะที่โกลด์แมน แซคส์ คาดว่าราคาน้ำมันเฉลี่ยในปีนี้จะอยู่ที่ 63 ดอลลาร์ และอาจลดลงอีกเหลือเพียง 58 ดอลลาร์ในปีหน้า

IEA ยังชี้ให้เห็นถึงผลกระทบย้อนกลับต่อเป้าหมายด้านพลังงานของรัฐบาลทรัมป์เอง ซึ่งเคยให้คำมั่นว่าจะผลักดันให้อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซของสหรัฐเติบโต ด้วยสโลแกน “ขุดมันเข้าไป” (drill, baby, drill) ทว่าราคาน้ำมันที่ตกต่ำกลับอาจทำให้ผู้ผลิตเชลล์ออยล์ในสหรัฐฯ ซึ่งต้องอาศัยราคาน้ำมันอย่างน้อย 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจึงจะคุ้มค่าต่อการลงทุนในหลุมใหม่ ต้องชะลอแผนการผลิต อีกทั้งยังต้องเผชิญต้นทุนที่สูงขึ้นจากการนำเข้าเหล็กและอุปกรณ์ขุดเจาะ ซึ่งได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน

ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว IEA จึงปรับลดคาดการณ์การเติบโตของกำลังการผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ ในปีนี้ลง 150,000 บาร์เรลต่อวัน เหลือ 490,000 บาร์เรลต่อวัน ในขณะที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (Opec) และพันธมิตรยังคงมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตรวมกันราว 411,000 บาร์เรลต่อวัน แม้ว่าตัวเลขจริงอาจน้อยกว่านี้ เนื่องจากบางประเทศผลิตเกินโควตาอยู่แล้ว

IEA สรุปว่า ความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการใช้น้ำมันโลกยังคงมีอยู่มาก ท่ามกลางบริบทเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนอย่างรวดเร็ว การที่ภาษีการค้า ซึ่งตั้งใจจะกีดกันและคุ้มครองอุตสาหกรรมในประเทศ อาจกลายเป็นบูมเมอแรงสะท้อนกลับ ไม่เพียงแต่กระทบคู่ค้ารายใหญ่เท่านั้น แต่ยังอาจเป็นอุปสรรคสำคัญต่อเป้าหมายทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เองในระยะยาวอีกด้วย