คริสตาลินา กอร์เกียวา กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกแถลงการณ์เตือนอย่างชัดเจนว่า มาตรการภาษีศุลกากรที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้ล่าสุด อาจทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจโลกตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับภาวะชะลอตัวอย่างชัดเจน
เธอระบุว่า เจ้าหน้าที่ IMF กำลังเร่งประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจมหภาคที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้มาตรการภาษีดังกล่าว โดยเน้นย้ำว่า
เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องหลีกเลี่ยงขั้นตอนที่อาจสร้างความเสียหายเพิ่มเติมต่อเศรษฐกิจโลก เราขอเรียกร้องให้สหรัฐอเมริกาและประเทศคู่ค้าทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ เพื่อแก้ไขความตึงเครียดทางการค้าและลดความไม่แน่นอน
ถ้อยแถลงของกอร์เกียวาครั้งนี้ ถือว่าไม่ธรรมดา เนื่องจากโดยปกติ IMF จะหลีกเลี่ยงการแสดงความเห็นในเชิงวิพากษ์วิจารณ์โดยตรงต่อประเทศสมาชิก โดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวข้องกับ สหรัฐ ซึ่งถือเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ IMF
การออกแถลงการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเย็นวันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน หลังตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงอย่างหนัก จากความวิตกกังวลต่อมาตรการภาษีของทรัมป์ โดยดัชนี ดาวโจนส์ ดิ่งลงถึง 1,679.39 จุด (-3.98%) และ S&P500 ร่วงลง 274.45 จุด (-4.84%) ถือเป็นการร่วงลงในวันเดียวที่หนักที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563
ภาษีศุลกากรแบบครอบจักรวาล (Universal Tariff) กำหนดให้ทุกประเทศที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ ต้องเสียภาษี 10% เท่ากันหมด มีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 เมษายน
ภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) เป็นอัตราที่ต่างกันไปตามประเทศ ขึ้นอยู่กับว่าสหรัฐฯ เห็นว่าประเทศนั้น ๆ ตั้งกำแพงภาษีหรืออุปสรรคต่อสินค้าสหรัฐฯ มากน้อยเพียงใด โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เมษายน