ผอ.IMF เตือน มาตรการภาษีทรัมป์ เสี่ยงฉุดเศรษฐกิจโลกทรุด

04 เม.ย. 2568 | 04:11 น.
อัปเดตล่าสุด :04 เม.ย. 2568 | 04:28 น.

ผอ.IMF เตือน ภาษีศุลกากรของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ อาจทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจโลกตกอยู่ในความเสี่ยง เรียกร้องให้สหรัฐ-ประเทศคู่ค้าทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์

คริสตาลินา กอร์เกียวา กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกแถลงการณ์เตือนอย่างชัดเจนว่า มาตรการภาษีศุลกากรที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้ล่าสุด อาจทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจโลกตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับภาวะชะลอตัวอย่างชัดเจน

เธอระบุว่า เจ้าหน้าที่ IMF กำลังเร่งประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจมหภาคที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้มาตรการภาษีดังกล่าว โดยเน้นย้ำว่า

เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องหลีกเลี่ยงขั้นตอนที่อาจสร้างความเสียหายเพิ่มเติมต่อเศรษฐกิจโลก เราขอเรียกร้องให้สหรัฐอเมริกาและประเทศคู่ค้าทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ เพื่อแก้ไขความตึงเครียดทางการค้าและลดความไม่แน่นอน
 

ถ้อยแถลงของกอร์เกียวาครั้งนี้ ถือว่าไม่ธรรมดา เนื่องจากโดยปกติ IMF จะหลีกเลี่ยงการแสดงความเห็นในเชิงวิพากษ์วิจารณ์โดยตรงต่อประเทศสมาชิก โดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวข้องกับ สหรัฐ ซึ่งถือเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ IMF

การออกแถลงการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเย็นวันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน หลังตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงอย่างหนัก จากความวิตกกังวลต่อมาตรการภาษีของทรัมป์ โดยดัชนี ดาวโจนส์ ดิ่งลงถึง 1,679.39 จุด (-3.98%) และ S&P500 ร่วงลง 274.45 จุด (-4.84%) ถือเป็นการร่วงลงในวันเดียวที่หนักที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563

มาตรการที่ทรัมป์ประกาศ

ภาษีศุลกากรแบบครอบจักรวาล (Universal Tariff) กำหนดให้ทุกประเทศที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ ต้องเสียภาษี 10% เท่ากันหมด มีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 เมษายน

ภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) เป็นอัตราที่ต่างกันไปตามประเทศ ขึ้นอยู่กับว่าสหรัฐฯ เห็นว่าประเทศนั้น ๆ ตั้งกำแพงภาษีหรืออุปสรรคต่อสินค้าสหรัฐฯ มากน้อยเพียงใด โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เมษายน