จับตานโยบาย “ทรัมป์” สะเทือนตลาดเอเชีย หุ้นเทคร่วงหนัก บิตคอยน์พุ่งทำนิวไฮ

12 พ.ย. 2567 | 07:30 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ธ.ค. 2567 | 09:52 น.

จับตานโยบายเศรษฐกิจ “ทรัมป์” หุ้นเอเชียร่วงระนาวจากแรงกดดัน ขณะที่บิตคอยน์พุ่งทำนิวไฮ สะท้อนการคาดการณ์ว่าตลาดการเงินอาจเปลี่ยนแปลงอย่างหนักหน่วง

ตลาดหุ้นเอเชียในวันอังคารที่ 12 พฤศจิกายนนี้ปรับตัวลดลง โดยเฉพาะหุ้นจีนและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ "โดนัลด์ ทรัมป์" ด้านบิตคอยน์กลับพุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ใกล้แตะ 90,000 ดอลลาร์ ท่ามกลางความคาดหวังจากนักลงทุนว่าสินทรัพย์ดิจิทัลจะได้รับอานิสงส์จากการผ่อนปรนกฎระเบียบทางการเงินในสหรัฐฯ

รอยเตอร์สรายงานว่า การกลับมารับตำแหน่งของทรัมป์ส่งผลให้ค่าเงินยูโรและหยวนจีนอ่อนค่าลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่ทรัมป์จะใช้มาตรการขึ้นภาษีศุลกากรซึ่งจะกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ค่าเงินยูโรลดลงมาแตะระดับต่ำสุดในรอบเจ็ดเดือนที่ 1.0687 ดอลลาร์ ขณะที่หยวนในตลาดจีนอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบสามเดือนครึ่ง

ดัชนีค่าเงินดอลลาร์พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยปิดที่ 105.59 ซึ่งใกล้เคียงกับระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าการผ่อนปรนกฎระเบียบด้านเศรษฐกิจของทรัมป์จะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ รักษาระดับดอกเบี้ยสูงได้นานขึ้น และหนุนค่าเงินดอลลาร์ให้แข็งแกร่งต่อเนื่อง

ดัชนีหุ้นเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น) ลดลง 1.7% แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน โดยเฉพาะตลาดหุ้นไต้หวันและเกาหลีใต้ที่ลดลงกว่า 2% และ 1% ตามลำดับ ขณะเดียวกันหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในเอเชียได้รับแรงกดดันจากการที่สหรัฐฯ สั่งให้บริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Co (TSMC) ยุติการส่งชิปขั้นสูงให้กับลูกค้าชาวจีนซึ่งมีการใช้งานในแอปพลิเคชันปัญญาประดิษฐ์

หุ้นจีนและฮ่องกงร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นฮ่องกงปรับตัวลดลง 2.65% ขณะเดียวกันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดของรัฐบาลปักกิ่งที่ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดได้ ส่งผลให้แนวโน้มของตลาดยังคงไม่สดใส

นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าทรัมป์อาจแต่งตั้งวุฒิสมาชิก มาร์โค รูบิโอ เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งอาจทำให้นโยบายต่อจีนเข้มข้นขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้

ในตลาดยุโรปมีแนวโน้มการเปิดตลาดที่ไม่สดใส โดยฟิวเจอร์สดัชนี STOXX 50 ของยุโรป ปรับลดลง 0.8% ส่วนฝั่งสหรัฐฯ พรรคริพับลิกันได้รับเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง ทำให้รีพับลิกันครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสทั้งสองสภา

Vasu Menon กรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนจาก OCBC ระบุว่าชัยชนะของ โดนัลด์ ทรัมป์ ช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่มีผลไม่แน่นอน แต่หากมีการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าในระยะกลางอาจจะทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ และส่งผลให้เฟดไม่สามารถปรับลดดอกเบี้ยได้ตามแผน

หุ้นวอลล์สตรีทยังคงสร้างสถิติสูงสุดใหม่ โดยเฉพาะหุ้นเทสลาที่ได้รับแรงหนุนจากการสนับสนุนทรัมป์ของ CEO อีลอน มัสก์ ขณะที่บิตคอยน์ก็ได้รับแรงผลักดันจากการเลือกตั้งของผู้สนับสนุนคริปโตในสภาคองเกรส ปัจจุบันราคาอยู่ที่ 88,516 ดอลลาร์ใกล้แตะ 90,000 ดอลลาร์ และมีแนวโน้มทะยานถึง 100,000 ดอลลาร์