เลือกตั้งสหรัฐ 2024 อาจพลิกโผ อะไรคือปัจจัยแทรกแซงผลการเลือกตั้ง?

05 พ.ย. 2567 | 06:00 น.
อัปเดตล่าสุด :28 พ.ย. 2567 | 05:02 น.

โพลสำรวจอาจไม่ใช่คำตอบสุดท้าย อะไรคือปัจจัยพลิกโผเกมเลือกตั้งสหรัฐ 2024 ที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าของผลเลือกตั้งผู้นำที่เหนือความคาดหมาย

วันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ เป็นช่วงสำคัญของ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งที่ประชาชนและสื่อทั่วโลกจับตามอง เพื่อติดตามผลว่าระหว่าง “โดนัลด์ ทรัมป์” อดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน และ “กมลา แฮร์ริส” รองประธานาธิบดีคนปัจจุบันจากพรรคเดโมแครต ใครจะได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งก่อนหน้านี้มีผลสำรวจเสียงของประชาชนชาวอเมริกันและความเป็นไปได้มากมาย แต่ในทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง ปัจจัยที่คาดไม่ถึงมักมีบทบาทสำคัญในการพลิกโฉมผลการเลือกตั้ง โดยเฉพาะในปีนี้ที่การแข่งขันมีความใกล้เคียงอย่างมาก

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผันผวนได้ คือ “Swing States” หรือรัฐที่ไม่มีการสนับสนุนพรรคใดพรรคหนึ่งอย่างชัดเจน และเปลี่ยนขั้วการเลือกตั้งได้ทุกครั้ง เช่น ฟลอริดา โอไฮโอ และเพนซิลเวเนีย ในหลายการเลือกตั้งที่ผ่านมา Swing States ได้แสดงให้เห็นถึงพลังการเปลี่ยนแปลง ที่สามารถส่งผลให้ผู้สมัครบางคนกลายเป็นผู้ชนะหรือพ่ายแพ้ได้

ในปี 2024 นี้ มีการคาดการณ์ว่า Swing States เช่น แอริโซนา และวิสคอนซิน มีแนวโน้มที่จะมีบทบาทสำคัญต่อผลการเลือกตั้ง เนื่องจากเป็นรัฐที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งยังไม่ชัดเจนว่าพวกเขาจะสนับสนุนพรรคใด รัฐเหล่านี้มีจำนวนผู้แทนมากพอที่จะสร้างผลลัพธ์ใหม่ได้ในเสี้ยววินาทีสุดท้าย

ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจในระดับรัฐและประเทศก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน สถานการณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ อัตราเงินเฟ้อ และการว่างงานสูง เป็นประเด็นที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ในปีนี้ปัญหาเศรษฐกิจหลังการระบาดของโควิด-19 ได้กดดันผู้เลือกตั้งในหลายรัฐ ทำให้ประชาชนมองหาผู้นำที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อีกหนึ่งปัจจัยคือเรื่องนโยบายที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและพลังงาน ท่ามกลางการถกเถียงเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นหัวข้อสำคัญที่มีอิทธิพลต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ใน Swing States ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม

ปัญหาด้านสาธารณสุขและระบบการดูแลสุขภาพยังคงเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกตั้ง โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อไม่นานมานี้ หลายรัฐยังคงได้รับผลกระทบจากปัญหาการเข้าถึงการรักษาพยาบาล และผู้เลือกตั้งใน Swing States อาจตัดสินใจสนับสนุนผู้สมัครที่สามารถเสนอนโยบายสาธารณสุขที่ตอบโจทย์ประชาชน

การแข่งขันทางการเมืองที่เข้มข้นใน Swing States ทำให้ผู้สมัครทั้งสองฝ่ายต้องใช้กลยุทธ์การหาเสียงที่หลากหลาย เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ได้มากที่สุด โดยการหาเสียงผ่านโซเชียลมีเดีย กลยุทธ์การสร้างภาพลักษณ์ที่เข้าถึงคนท้องถิ่น และการตอบสนองประเด็นเฉพาะที่เป็นข้อกังวลของรัฐ

โพลสำรวจความคิดเห็นหรือผลสำรวจล่วงหน้าก็ยังมีความสำคัญในการทำนายผล แต่ก็ยังมีข้อจำกัด โพลมักสะท้อนความคิดเห็น ณ ช่วงเวลาหนึ่งๆ ซึ่งอาจไม่ตรงกับการตัดสินใจสุดท้ายของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เนื่องจากปัจจัยต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงได้ในนาทีสุดท้าย

นอกจากนี้ ปัญหาด้านความเชื่อมั่นในกระบวนการเลือกตั้งยังเป็นอีกประเด็นที่น่าจับตามอง ในบางรัฐมีการตั้งคำถามถึงความโปร่งใสและความยุติธรรมของกระบวนการเลือกตั้ง ซึ่งอาจทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางส่วนไม่ออกมาใช้สิทธิ

ในปี 2024 ประเด็นการจัดการกับอิทธิพลต่างชาติในการเลือกตั้งยังเป็นข้อถกเถียงที่เข้มข้น โดยเฉพาะการเฝ้าระวังการแทรกแซงจากภายนอกผ่านโซเชียลมีเดียและการกระจายข่าวสารปลอม ซึ่งอาจทำให้ความเชื่อมั่นของผู้เลือกตั้งในกระบวนการถูกสั่นคลอน

การเปลี่ยนแปลงของจำนวนประชากรในบางรัฐยังส่งผลต่อจำนวนผู้แทนของรัฐนั้นๆ ในคณะเลือกตั้ง โดยเฉพาะรัฐที่มีอัตราการเติบโตสูง ทำให้รัฐที่มีประชากรเพิ่มขึ้นมีสิทธิ์มากขึ้นในการเลือกตั้งครั้งนี้

ทั้งนี้ ผลการเลือกตั้งสหรัฐในปี 2024 ยังอาจได้รับผลกระทบจากประเด็นทางสังคมและวัฒนธรรมที่ทวีความรุนแรงขึ้น เช่น ปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียม ทำให้ผู้เลือกตั้งบางกลุ่มอาจเลือกผู้สมัครที่มีจุดยืนชัดเจนต่อประเด็นเหล่านี้

สุดท้ายแล้ว การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 อาจเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงถึงพลังของ Swing States และปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้ผลเลือกตั้งคาดเดายาก การติดตามและการวิเคราะห์ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับทิศทางการเลือกตั้ง