“ปานปรีย์” ต่อสายตรงหารือ รมว.กต.ซาอุฯ เร่งกระบวนการหยุดยิงในฉนวนกาซา

30 ต.ค. 2566 | 12:32 น.

กระทรวงการต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย เปิดเผยว่า นายปานปรีย์ รองนายกฯ และรมว. ต่างประเทศของไทย ต่อสายตรงถึงเจ้าชายฟัยศ็อล บิน ฟัรฮาน อัลซะอูด รมว.ต่างประเทศซาอุฯ หารือถึงสถานการณ์ความรุนแรงในฉนวนกาซา เรียกร้องประชาคมโลกที่จะต้องมีบทบาทให้เกิดการหยุดยิงโดยทันที

 

30 ต.ค. 2566 กระทรวงการต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย เปิดเผยว่า นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ได้โทรศัพท์หารือกับ เจ้าชายฟัยศ็อล บิน ฟัรฮาน อัลซะอูด (His Highness Prince Faisal bin Farhan Al Saud) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซาอุดีอาระเบีย ถึง สถานการณ์ความรุนแรงในฉนวนกาซา

ทั้งนี้ ในระหว่างการพูดคุย รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดิอาระเบียทรงชื่นชมประเทศไทยที่ให้การสนับสนุนต่อมติสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่ได้มีการลงมติเมื่อวันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม 2566 โดยมติดังกล่าวเรียกร้องให้ทุกฝ่าย หยุดยิงโดยทันที การหยุดยิงนี้จะมีขึ้นด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรมจากกรณีที่มีการปิดล้อมฉนวนกาซา และขอให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ บรรทัดฐาน และกฎหมายด้านมนุษยธรรมสากล

ถ้อยแถลงของกระทรวงการต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย

ทั้งสองยังได้หารือกันถึงการสถานการณ์ที่เป็นอันตรายในฉนวนกาซาและพื้นที่โดยรอบ เจ้าชายฟัยศ็อล ทรงเน้นย้ำถึงความสำคัญของประชาคมโลกที่จะต้องมีบทบาทให้การหยุดยิงโดยทันทีบรรลุผล เพื่อปกป้องพลเรือนอย่างถึงที่สุดและทุ่มเทความพยายามทั้งหมดเพื่อหยุดยั้งเหตุนองเลือด ป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายและหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่ครอบคลุมเพื่อบรรลุความปรารถนาและความตั้งใจของชาวปาเลสไตน์

สำหรับสถานการณ์สู้รบระหว่างกองทัพอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ที่มีผลกระทบต่อคนไทยในอิสราเอลล่าสุด (สถานะวันที่ 29 ต.ค. 2566) กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) แจ้งว่า คนไทยถูกจับเป็นตัวประกันเพิ่มขึ้นอีก 3 คน ทำให้ยอดตัวประกันคนไทย ขยับขึ้นเป็น 22 คน ส่วนผู้เสียชีวิตยังคงเท่าเดิมที่ 32 ราย และคนบาดเจ็บ 19 คน (คงเดิม)