"จอยักษ์-เอฟเฟคท์-ประสบการณ์พิเศษ" ทางรอด-ทางลุ้น ธุรกิจโรงหนัง

29 พ.ค. 2566 | 10:35 น.

โควิดอาจไม่ใช่อุปสรรคขัดขวางการหาประสบการณ์ความบันเทิงของชาวอเมริกันในช่วงเวลานี้ แต่บรรดาผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์ก็พบว่า เอาจริง ๆ ผู้ชมก็ยังไม่กลับเข้ามาดูหนังในโรงเหมือนกับเมื่อช่วงก่อนเกิดโควิด แล้วพวกเขาจะทำอย่างไรดี

บรรดาผู้สร้างภาพยนตร์ และ เหล่าธุรกิจโรงภาพยนตร์ชั้นนำ ต่างก็ตระหนักดีว่า ผู้ชมยุคนี้กำลังมองหา “ประสบการณ์แปลกใหม่” ที่น่าสนใจใน การชมภาพยนตร์

เจสัน สตาร์ค คุณพ่อชาวอเมริกันในรัฐคอนเนตทิคัต อุตส่าห์ขับรถจากบ้านราวครึ่งชั่วโมง พาลูกชายสองคนวัย 9 และ 6 ขวบ มาชมภาพยนตร์ที่เจาะกลุ่มเยาวชนอย่าง The Super Mario Bros ที่โรงภาพยนตร์ในเครือ AMC ที่ฉายหนังเรื่องนี้ผ่านจอพิเศษขนาดใหญ่อย่างจอ IMAX

ลูก ๆวัยประถมของเขา ต่างชอบใจอย่างมาก และทึ่งในความใหญ่โตของขนาดจอภาพยนตร์ ครอบครัวของสตาร์คเป็นผู้ชมกลุ่มเป้าหมายสำหรับบรรดาผู้สร้างภาพยนตร์และเหล่าธุรกิจโรงภาพยนตร์ชั้นนำ ที่ต่างก็ตระหนักดีว่า ผู้ชมยุคนี้กำลังมองหา “ประสบการณ์แปลกใหม่” ที่น่าสนใจในการชมภาพยนตร์

ในปีนี้ (2023) ยอดขายตั๋วชมภาพยนตร์ของทั้งในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาลดลง 16% เมื่อเทียบกับยอดของปี 2019 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่โควิด-19 จะแพร่ระบาด อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์หนึ่งที่สวนกระแสก็คือ  ภาพยนตร์ที่ใช้เทคนิคพิเศษอย่างเรื่อง Top Gun: Maverick และ Avatar: The Way of Water กลับสามารถดึงผู้ชมจำนวนมากเข้าสู่โรงหนัง เพราะอะไรจึงเป็นเช่นนั้น?

ผู้ชมยุคนี้กำลังมองหา “ประสบการณ์แปลกใหม่” ที่น่าสนใจในการชมภาพยนตร์ และ "จอยักษ์" ก็เป็นหนึ่งในประสบการณ์นั้น

จิม ออร์ ประธานฝ่ายจัดจำหน่ายของบริษัทยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส (Universal Pictures)ในสหรัฐ ให้ความเห็นว่า "กลุ่มคนที่รู้สึกตื่นเต้นในการชมภาพยนตร์ในโรงหนัง พวกเขาต้องการสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ยอดเยี่ยมที่สุด และเปี่ยมด้วยประสบการณ์มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

ด้วยเหตุนี้ โรงภาพยนตร์ต่างพยายามใช้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นแม่เหล็กดึงดูดในการมอบประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้แก่ผู้ชม เช่นด้วยการใช้จอฉายภาพยนตร์ที่ใหญ่ขึ้น ระบบเสียงแบบพิเศษ ที่นั่งที่สามารถขยับเคลื่อนไหวตอบสนองตามเนื้อเรื่อง และการใช้เทคนิคพิเศษเสริมบรรยากาศต่าง ๆ เป็นต้น

บริษัทวิจัยตลาดคอมสกอร์ (Comscore) คาดการณ์ว่า “การฉายแบบพิเศษ” ช่วยเพิ่มยอดขายตั๋วภาพยนต์ในสหรัฐได้ราว 16.7% เมื่อเทียบกับ 9.2% ในปี 2019

ทั้งนี้ ธุรกิจโรงภาพยนตร์เดินหน้าที่จะติดตั้งจอฉายขนาดใหญ่ และเรียกมันว่าเป็น “รูปแบบการฉายพิเศษ” อ้างอิงตัวเลขจากบริษัทวิจัยออมเดีย (Omdia) พบว่า ในปีที่ผ่านมา (2022) โรงหนังแบบฉายพิเศษ (โรงจอใหญ่) ในทวีปอเมริกาเหนือมีมากถึง 1940 แห่ง สูงขึ้น 4.4% เมื่อเทียบกับปี 2021

การฉายแบบพิเศษนี้ รวมถึงจอประเภท IMAX และจอขนาดใหญ่พิเศษที่ถูกสร้างขึ้นโดยบริษัทในธุรกิจโรงภาพยนตร์

จอใหญ่ๆ เอฟเฟคท์ใหม่ๆ ดึงดูดใจผู้ชมมากขึ้น ทำให้ขายตั๋วได้แพงขึ้นด้วย

ดึงดูดใจผู้ชมมากขึ้น ขายตั๋วได้แพงขึ้น

ปกติแล้วราคาตั๋วเฉลี่ยเพื่อชมภาพยนตร์ในสหรัฐจะอยู่ที่ประมาณ 11 ดอลลาร์ แต่การฉายแบบพิเศษนี้ มักจะมีราคาสูงขึ้นราว 5 ถึง 7 ดอลลาร์

เครือบริษัท B&B ที่ดำเนินธุรกิจโรงภาพยนตร์จำนวน 531 แห่งใน 14 รัฐ ได้นำเสนอการฉายแบบพิเศษ ผ่านลูกเล่นต่าง ๆ ร่วมด้วย เช่น เก้าอี้ปรับอุณหภูมิ ระบบเสียงเสมือนจริง และเก้าอี้ที่ขยับได้สอดคล้องกับเรื่องราวบนจอ

บร็อค แบ็กบี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเนื้อหา การจัดผัง และการพัฒนาของเครือบริษัท B&B เปิดเผยว่า ในยุคหลังโควิด ยอดขายตั๋วการฉายแบบพิเศษพุ่งสูงขึ้นกว่าในอดีต สำหรับโรงภาพยนตร์ที่มีหลายโรงในหนึ่งสาขา หรือประเภทมัลติเพล็กซ์ (multiplex) พบว่า รายได้ประมาณครึ่งหนึ่งมาจากการฉายแบบพิเศษ และเมื่อย้อนกลับไปก่อนเกิดการระบาดใหญ่ของโควิด-19 สัดส่วนนี้อยู่ที่ราว 30% เท่านั้น

ริชาร์ด เกลฟอนด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทไอแมกซ์ คอร์ป. (IMAX Corp) กล่าวว่า ความสนใจในรูปแบบจอ IMAX เพิ่มขึ้นทั่วโลก เขาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ในปีนี้ (2023) บริษัทของเขาได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อติดตั้งและปรับปรุงจอฉายภาพยนตร์ไปแล้วจำนวน 62 ฉบับ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่ายอดทั้งหมดของปีที่ผ่านมา (2022) และคาดว่าในปีนี้ รายได้รวมที่เกิดจากการฉายภาพยนตร์ผ่านจอ IMAX จะแตะระดับเท่ากับก่อนยุคโควิด

เอฟเฟคท์จัดเต็ม เพื่อความว้าวของผู้ชม

อีกสัญญาณที่น่าจับตา คือเหล่าผู้สร้างภาพยนตร์ในฮอลลีวูด ได้ผลิตภาพยนตร์แนวแอคชันและเต็มไปด้วยลูกเล่นมากขึ้น สำหรับเกลฟอนด์ เขามองว่า ผู้คนต้องการที่จะชมภาพยนตร์ลักษณะนี้ผ่านจอ IMAX และมันจะกลายเป็นประสบการณ์ด้านวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นทั่วโลก

ทางด้าน เจฟฟ์ บ็อค จากบริษัทวิจัยเอ็กซิบิเตอร์ รีเลชันส์ (Exhibitor Relations) มองว่า ในช่วงฤดูร้อนปีนี้ จะเป็นบททดสอบว่า การฉายแบบพิเศษเป็นที่ต้องการของเหล่าผู้ชมมากน้อยแค่ไหน โดยมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เข้าคิวรอฉายผ่านจอขนาดใหญ่มากมายหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น

  • Guardians of the Galaxy Vol. 3 ในเดือนพฤษภาคม
  • Oppenheimer ในเดือนกรกฎาคม
  • และ The Meg 2 ในเดือนสิงหาคม

หลังจากผ่านช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้ว บ็อคเล่าทิ้งท้ายว่า แผนการฉายจะเต็มไปด้วยภาพยนตร์แนวดรามา ที่ไม่ได้อิงการสร้างความตื่นเต้นผ่านจอขนาดใหญ่มากนัก