4 ข้อสรุปหลัง “ทรัมป์” ถูกฟ้องคดีอาญา ปมเงินฉาวปิดปากเซ็กซี่สตาร์

01 เม.ย. 2566 | 20:27 น.

กลายเป็นข่าวใหญ่ในแวดวงการเมืองสหรัฐอเมริกา เมื่อ “โดนัลด์ ทรัมป์” อดีตประธานาธิบดี ถูกตั้งข้อหาคดีอาญาโดยคณะลูกขุนใหญ่ในนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา และต่อไปนี้คือ 4 บทสรุปเพื่อความเข้าใจเรื่องราว

 

1) ทรัมป์ถูกฟ้องเรื่องอะไร

คำสั่งฟ้อง นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ (ดำรงตำแหน่งวันที่ 20 มกราคม 2017 – 20 มกราคม 2021 รวมเวลา 4 ปี) ไม่ได้มาจากเหตุการณ์บุกอาคารรัฐสภาโดยเหล่าผู้สนับสนุนเขาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 ซึ่งทรัมป์ยังอยู่ระหว่างการถูกสืบสวนสอบสวน แต่มาจากข้อกล่าวหาที่ว่า เขาจ่ายเงินให้แก่ นางสตอร์มี แดเนียลส์ อดีตดาราหนังผู้ใหญ่ หรืออดีตเซ็กซี่สตาร์ เพื่อให้เธอเก็บงำเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับเขาเป็นความลับ

คำตัดสินนี้ ทำให้อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลายเป็นผู้นำสหรัฐคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกันที่ถูกตั้งข้อหากระทำผิดทางอาญา

ในทัศนะของนีมา ราห์มานี อดีตอัยการของรัฐบาลกลางสหรัฐ ที่เปิดเผยกับสำนักข่าววีโอเอ สื่อใหญ่ของสหรัฐ ว่าโลกกำลังได้เห็นการเปิดโปงครั้งประวัติศาสตร์ “นี่คือครั้งแรกที่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐถูกตั้งข้อหากระทำผิดในคดีอาญา”

สตอร์มี แดเนียลส์ ชื่อจริงคือ นางสเตฟานี คลิฟฟอร์ด

2) ใครคือ “สตอร์มี แดเนียลส์”

ข่าวระบุว่า นายไมเคิล โคเฮน อดีตทนายความของทรัมป์ แอบจ่ายเงิน 130,000 ดอลลาร์สหรัฐให้กับดาวโป๊รุ่นใหญ่ที่ชื่อ “สตอร์มี แดเนียลส์” ในช่วงที่ทรัมป์เพิ่งลงหาเสียงเลือกตั้งปี 2559 เป้าหมายคือเพื่อปิดปากไม่ให้เธอพูดถึงสัมพันธ์เชิงชู้สาวที่เธอเคยมีกับทรัมป์ช่วงสิบปีก่อนหน้านั้น

สตอร์มี แดเนียลส์ ชื่อจริงคือ นางสเตฟานี คลิฟฟอร์ด เธอเคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสารอินทัช ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับประธานาธิบดีทรัมป์ เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2554 โดยระบุว่า เคยมีเพศสัมพันธ์กับนายทรัมป์ เมื่อปี 2549 ไม่นานหลังจากที่นางเมลาเนีย ทรัมป์ ภรรยาของเขาคลอดบุตรชายที่ชื่อบารอน ทรัมป์

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานว่า นางแดเนียลส์ ได้รับเงินเป็นค่าสัญญาให้ปกปิดข้อมูลความสัมพันธ์ดังกล่าวเป็นความลับในช่วงก่อนหน้าการเลือกตั้งเมื่อปี 2559 ซึ่งในขณะนั้น เธอกำลังอยู่ในขั้นตอนเจรจาเพื่อให้สัมภาษณ์รายการโทรทัศน์เกี่ยวกับประธานาธิบดีทรัมป์

บทสัมภาษณ์ในรายการ 60 Minutes ของสตอร์มี แดเนียลส์ เมื่อปี 2561 ทำเรตติ้งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบเกือบ 10 ปีของรายการนี้ ด้วยยอดผู้ชม 22 ล้านคน ซึ่งมากกว่างานประกาศรางวัลแกรมมี อวอร์ดส์ และงานประกาศรางวัลลูกโลกทองคำ และยังมากกว่าบทสัมภาษณ์ของทรัมป์และครอบครัวหลังชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเสียอีก

ทรัมป์ปฏิเสธมาโดยตลอดว่าเขาไม่เคยมีอะไรกับผู้หญิงคนนี้ และว่าการสอบสวนเขา เป็นความพยายามล้างแค้นทางการเมือง

 

3) ผลต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีหน้า (2567)

ก่อนหน้านี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจะลงชิงชัยในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2024 (พ.ศ.2567) ดังนั้น เขาจึงยืนยันผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์หลายครั้งในช่วงหลังๆนี้ ว่า การพยายามดำเนินคดีต่อเขา คือการประหัตประหารทางการเมืองโดยคู่แข่งของเขา ทั้งนี้ ฝ่ายตรงข้ามต้องการทำลายชื่อเสียง และพยายามทำให้เขาดูเป็นคนที่ไม่ได้รับความนิยมชมชอบให้ได้มากที่สุด

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ทรัมป์อาจจะดูมัวหมองเพราะคดีความที่เกิดขึ้น แต่ในเวลาเดียวกัน ก็มีความเป็นไปได้ที่เขาจะได้รับคะแนนเห็นใจเพิ่มมากขึ้นจากกลุ่มผู้ที่สนับสนุนเขาอยู่แล้ว

เชอร์รี เบบิช เจฟฟี นักวิเคราะห์การเมืองสหรัฐ กล่าวกับสำนักข่าววีโอเอ แสดงความเห็นว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้อาจเป็นการช่วยอดีตปธน.ทรัมป์ให้ได้แรงหนุนจากผู้สนับสนุนของเขาระหว่างที่เขาหาทางจะเป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกันสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้า

 “แน่นอนที่ว่า พวกเขา (ผู้สนับสนุนทรัมป์) จะต้องโกรธมาก และจะไม่ยอมรับคำตัดสินของศาล” แม้การคาดคะเนนี้ จะยังเร็วเกินไป แต่หากความขุ่นเคืองของฝ่ายสนับสนุนทรัมป์ยังคงระอุต่อไปจนถึงช่วงที่มีการเลือกตั้งขั้นต้นแล้วล่ะก็ พวกเขาก็จะเริ่มออกมาแสดงพลัง และนั่นหมายถึงพวกเขาจะแห่กันออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งเพื่อเทคะแนนให้ทรัมป์

 

แน่นอนที่ว่า ผู้สนับสนุนทรัมป์จะต้องโกรธมาก และจะไม่ยอมรับคำตัดสินของศาล

4) เหรียญสองด้าน ผลเสียก็มี แต่เชื่อว่าทรัมป์เดินหน้าต่อ

นักวิเคราะห์การเมืองระบุว่า คำตัดสินนี้ได้สร้างความมัวหมองด่างพร้อยให้กับประเทศสหรัฐ และจะย้อนกลับมาทำร้ายอดีตปธน.ทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีหน้า โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด

อย่างไรก็ตาม คำตัดสินดังกล่าวจะไม่ยุติเส้นทางสู่ทำเนียบขาวสมัยที่ 2 ของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และแม้ว่าเขาจะถูกตัดสินว่ามีความผิด ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองอเมริกันต่างเห็นว่า สิ่งนี้จะไม่สามารถหยุดเขาให้ก้าวขึ้นไปปฏิบัติหน้าที่ผู้นำสหรัฐ หากเขาได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งอีกครั้ง

ริชาร์ด ฮาเซน ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส กล่าวว่า ไม่มีอะไรจะหยุดทรัมป์ไม่ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งได้ ไม่ว่าจะถูกสั่งฟ้อง หรือแม้แต่ถูกตัดสินว่ามีความผิด

ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ได้กำหนดเงื่อนไขหรือคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งไว้เพียง 3 ประการเท่านั้น คือ 1) เป็นพลเมืองอเมริกันโดยกำเนิด 2) มีอายุอย่างน้อย 35 ปี และ 3) อาศัยอยู่ในสหรัฐเป็นเวลาอย่างน้อย 14 ปี

การที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งถูกฟ้องคดีอาญานั้น อาจทำให้พวกเขามีโอกาสยากขึ้นในการชนะคะแนนเสียง แต่พวกเขาจะไม่ถูกห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง

ทั้งนี้ หากทรัมป์ถูกตัดสินว่ามีความผิดทางอาญาในนิวยอร์ก เขาจะถูกห้ามไม่ให้ลงคะแนนเสียงในรัฐฟลอริดา ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา อย่างน้อยก็จนกว่าเขาจะพ้นโทษ

ส่วนประเด็นว่าเขาจะถูกจำคุกหรือไม่นั้น นักกฎหมายบอกว่า อย่าเพิ่งรีบด่วนคิดกันไปเอง เพราะขณะนี้ ทรัมป์ยังไม่ได้ถูกพิจารณาคดีด้วยซ้ำ กว่าจะมีการตัดสินโทษว่ามีความผิดหรือไม่ ยังคงต้องใช้เวลาอีกนาน