สำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติสหรัฐฯ (National Weather Service : NWS) ระบุว่า มวลอากาศหนาวเย็นจัด จะทำให้ อุณหภูมิลดลง ถึงระดับที่เป็นอันตรายต่อชีวิตได้ และเตือนประชาชนให้ระวังสภาพอันตรายสุดขีดจากกระแสลมกระโชกระยะสั้น
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมืองบอสตันและเมืองเวสเตอร์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดสองแห่งในแถบนิวอิงแลนด์ คือ พื้นที่ที่เขตการศึกษาท้องถิ่นประกาศหยุดเรียนเมื่อวันศุกร์ (3 ก.พ.) เนื่องจากมีความวิตกเกี่ยวกับความเสี่ยงของการเกิดภาวะตัวเย็นเกินไป หรือ ไฮโปเธอร์เมีย (hypothermia) และการที่ผิวหนังถูกทำลายโดยความเย็นจัด (frostbite) ในช่วงที่เด็ก ๆ ต้องยืนรอรถรับส่งหรือระหว่างเดินไปโรงเรียน
รายงานระบุว่า ที่เมืองบอสตัน อุณหภูมิในช่วงเช้าวันศุกร์ (3 ก.พ.) อยู่ที่ระดับ -6 องศาเซลเซียส และลดลงมาถึง -19 องศาเซลเซียส ขณะที่อุณหภูมิเมืองเวสเตอร์ ในรัฐแมสซาชูเซตส์เช่นกัน อาจลดลงถึง -25 องศาเซลเซียส ก่อนที่จะค่อย ๆ อุ่นขึ้นในวันเสาร์
มิเชลล์ วู นายกเทศมนตรีเมืองบอสตัน ประกาศภาวะฉุกเฉินที่มีผลบังคับใช้ถึงวันอาทิตย์นี้ (5 ก.พ.) และสั่งเปิดศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภาวะอากาศหนาวเย็นในหลายจุดเพื่อช่วยประชากรในเมืองกว่า 650,000 คนรับมือกับภาวะที่ NWS เตือนว่า อาจนำมาซึ่งแนวปะทะอากาศเย็น (cold front) ที่รุนแรงในระดับมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในยุคสมัย
พยากรณ์อากาศเกี่ยวกับสภาพอากาศหนาวเย็นจัดนี้ ยังทำให้ทางการท้องถิ่นต้องสั่งปิดพิพิธภัณฑ์ลอยน้ำที่นำเสนอการจำลองเหตุการณ์ทางการเมืองอเมริกันที่รู้จักกันในชื่อ 1773 Boston Tea Party ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ชาวอาณานิคมกลุ่มหนึ่งปลอมตัวเป็นชาวอเมริกันพื้นเมืองและโยนลังใส่ใบชาที่กษัตริย์อังกฤษในสมัยนั้นสั่งเก็บภาษี ลงไปในน้ำ
การปิดพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนักนับตั้งแต่ที่เปิดทำการมา แต่การปิดครั้งนี้ถือว่าจำเป็น โดยพนักงานต้อนรับของพิพิธภัณฑ์ยืนยันว่า อุณหภูมิอากาศ ณ ขณะนี้ “มันหนาวเกินไปที่จะเปิดทำการ”
ที่อุทยานเมาท์วอชิงตัน ซึ่งตั้งอยู่ที่ยอดเขาสูงที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐ สำนักงานอุทยานรัฐนิวแฮมป์เชอร์คาดการณ์ว่า อุณหภูมิจะลดลงได้ถึงจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ราว -46 องศาเซลเซียสในช่วงสุดสัปดาห์
อย่างไรก็ตาม ภาวะหนาวเย็นจากลม (wind chill) ซึ่งเป็นส่วนผสมของลมและอุณหภูมิเย็นจัดที่มาสัมผัสกับผิว อาจทำให้อุณหภูมิที่ยอดเขาเมาท์วอชิงตันซึ่งปกติเป็นจุดที่เย็นที่สุดจุดหนึ่งในสหรัฐลดฮวบเหลือ -79 องศาเซลเซียสก็เป็นได้
ขณะที่พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐ ต้องรับมือกับสภาพอากาศเย็นจัดอยู่นี้ รัฐเท็กซัสและบางพื้นที่ในภาคใต้ของประเทศเริ่มอุ่นขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ถูกถล่มด้วยพายุน้ำแข็งฤดูหนาวที่นำพาฝนเยือกแข็ง และลูกเห็บมาด้วย จนทำให้เกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง และพื้นถนนถูกเคลือบด้วยน้ำแข็งจนเป็นอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนน
ข้อมูลจาก Poweroutage.us ระบุว่า บ้านและสถานประกอบธุรกิจกว่า 300,000 จุดในรัฐเท็กซัส อาร์คันซอ มิสซิสซิปปี และเทนเนสซี ยังคงไม่มีไฟฟ้าใช้เมื่อวันศุกร์ (3 ก.พ.) หลังน้ำแข็งที่มาพร้อมกับพายุทำเสาไฟฟ้าและต้นไม้ล้มในหลายจุด