จีนคลายคุมโควิด 2 เมืองใหญ่เพิ่ม ขณะการประท้วงลามในหลายประเทศ

01 ธ.ค. 2565 | 04:15 น.

จีนผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดใน 2 เมืองใหญ่เพิ่ม หลังการประท้วงรุนแรงในกวางโจว และชาวจีนในหลายพื้นที่ทั่วโลกก็ลุกฮือร่วมประท้วง พร้อมกดดันปธน.สี จิ้นผิง ลาออก

 

การชุมนุมประท้วงมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดของโควิด-19 ใน จีน ลุกลามกลายเป็นการเคลื่อนไหวที่เรียกร้องให้ “ปลดปล่อยจีน” และกดดัน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ให้ลาออกจากตำแหน่ง และนอกจากผู้ชุมนุมในจีนแผ่นดินใหญ่แล้ว ชาวจีนที่พำนักอาศัยในต่างแดน ตั้งแต่นครซิดนีย์ (ออสเตรเลีย) โตเกียว (ญี่ปุ่น) โตรอนโต (แคนาดา) และนิวยอร์ก (สหรัฐอเมริกา) ยังได้ออกมาเดินขบวนประท้วงร่วมด้วย คาดว่าหลังจากนี้ยังจะมีการประท้วงเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่

 

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ผู้ประท้วงหลายร้อยคนปักหลักหน้าสถานกงสุลจีนในนิวยอร์ก พร้อมชูกระดาษขาวอันเป็นสัญลักษณ์การประท้วงรัฐบาลจีนในครั้งนี้ บ้างก็ตะโกนเป็นภาษาจีนกลางวิจารณ์เรื่องสิทธิมนุษยชนของจีน และนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของรัฐบาลปักกิ่ง ที่กระทบกระเทือนเศรษฐกิจและเสรีภาพของประชาชนจีน

 

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ถูกผู้ชุมนุมเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง

 

ขณะที่กระทรวงต่างประเทศของจีนไม่ได้ให้ความเห็นใด ๆ เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของชาวจีนในต่างแดนในช่วงเวลาที่รายงานข่าวนี้

 

การลุกฮือของประชาชนจีนทั้งในและต่างประเทศ เกิดขึ้นหลังจากเหตุเพลิงไหม้อพาร์ตเมนต์ในมณฑลซินเจียง ที่คร่าชีวิตประชาชน 10 คน และผู้คนบนโลกออนไลน์ของจีนต่างมองว่า มาตรการควบคุมโควิดที่เข้มงวดของรัฐบาลจีนเป็นต้นเหตุของการเสียชีวิตของผู้คนที่ต้องติดอยู่ในอาคารและไม่สามารถออกมาได้ทัน อย่างไรก็ตาม ทางการจีนได้ออกมาปฏิเสธในเรื่องนี้แล้ว

 

ในจีนแผ่นดินใหญ่ การประท้วงยังดำเนินต่อไปในนครเซี่ยงไฮ้  ปักกิ่ง และอีกหลายเมืองทั่วประเทศ โดยสถานการณ์การประท้วงได้ยกระดับขึ้น เมื่อผู้ชุมนุมในเมืองกวางโจว อันเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมของจีน ปะทะกับตำรวจปราบจลาจลที่สวมชุดป้องกันเชื้อโรคเมื่อค่ำวันอังคาร (29 พ.ย.)

 

การเผชิญหน้าระหว่างผู้ชุมนุมประท้วงและตำรวจปราบจลาจล (Cr.ภาพจาก DW)

 

กระทั่งวันพุธ (30 พ.ย.) ทางการจีนได้ประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในเมืองกวางโจวและฉงชิ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้ 1 วันเพิ่งเกิดเหตุปะทะระหว่างผู้ประท้วงกับตำรวจปราบจลาจลในพื้นที่ โดยในกรณีของเมืองฉงชิ่ง ทางการอนุญาตให้ผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 สามารถกักตัวสังเกตอาการที่บ้านได้ แต่ยังไม่มีสัญญาณของการ “ผ่อนคลายนโยบายขนานใหญ่” แต่อย่างใด

 

ด้านผู้ประท้วงและผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงต่างประเทศ เชื่อว่า การถึงแก่อสัญกรรมของอดีตประธานาธิบดีเจียง เจ๋อหมิน ซึ่งเป็นผู้นำประเทศจีนมา 10 ปีและนำพาเศรษฐกิจจีนให้เฟื่องฟูหลังการปราบปรามผู้ประท้วงในจัตุรัสเทียนอันเหมินเมื่อปี 1989 อาจจะกลายมาเป็นชนวนจุดการประท้วงครั้งใหม่ให้ประทุขึ้นอีกได้ เนื่องจากมีกระแสเปรียบเทียบบทบาทผู้นำของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กับอดีตปธน.เจียง เจ๋อหมิน ทั้งด้านเศรษฐกิจ การต่างประเทศ และการเปิดกว้างกับชาติตะวันตก หลังการอสัญกรรมของนายเจียง อดีตผู้นำวัย 96 ปี เมื่อวันพุธ (30 พ.ย.)

 

หน่วยงาน Freedom House ประเมินว่ามีการชุมนุมประท้วงอย่างน้อย 27 จุดทั่วประเทศจีนตั้งแต่วันเสาร์(26 พ.ย.) จนถึงวันจันทร์ (28 พ.ย.) ขณะที่หน่วยงานคลังสมองของออสเตรเลีย ASPI ประเมินว่า มีการประท้วงเกิดขึ้น 43 แห่งใน 22 เมืองทั่วประเทศจีน