แฟนๆ iPhone 14 Pro หน้าแห้ง ปัญหา ร.ง.ผลิตทำระยะรอสินค้านานผิดปกติ

29 พ.ย. 2565 | 08:17 น.

ปัญหาการผลิตในจีน กดดันให้ระยะเวลารอคอยการส่งมอบโทรศัพท์ iPhone 14 Pro พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ โดยลูกค้าในสหรัฐอเมริกาที่ซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ในปีนี้ อาจต้องรอการส่งมอบนานถึง 37 วัน

 

ระยะเวลาในการรอคอยการส่งมอบโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่น iPhone 14 Pro ของบริษัท แอปเปิ้ล อิงค์ พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจาก โรงงานฟ็อกซ์คอนน์ ในเมืองเจิ้งโจวของจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตโทรศัพท์รายสำคัญของแอปเปิ้ล กำลังประสบปัญหาด้านการผลิตจากการบังคับใช้ มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดโควิด-19 และการก่อเหตุประท้วงของพนักงาน

 

บริษัทเคาเตอร์พอยต์ รีเสิร์ช (Counterpoint Research) ระบุว่า ลูกค้าที่ซื้อโทรศัพท์เคลื่อนที่ iPhone 14 Pro ในสหรัฐอเมริกาในปีนี้ อาจต้องรอคอยนานถึง 37 วันจึงจะได้รับของที่สั่งจองเอาไว้ ซึ่งยาวนานกว่าตระกูล iPhone 13 Pro อย่างมาก และยาวนานกว่าการเปิดตัวเบื้องต้นของโทรศัพท์รุ่นปัจจุบัน โดยระยะเวลาส่งมอบ iPhone 14 Pro และ Pro Max เพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจนในทุกตลาด

 

โรงงานฟ็อกซ์คอนน์ที่เมืองเจิ้งโจวนั้นเป็นผู้ผลิต iPhone Pro ส่วนใหญ่ของแอปเปิ้ล โดยมีพนักงานมากถึง 200,000 คนในฤดูกาลที่มีอุปสงค์สูง แต่โรงงานแห่งนี้ต้องประสบปัญหาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่โควิด-19 ระบาดในเดือนต.ค. ซึ่งรวมถึงการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์แบบกะทันหันจากรัฐบาล และการก่อหวอดประท้วงต่อต้านมาตรการกักตัวและสภาพความเป็นอยู่ในโรงงานของเหล่าพนักงาน


"นโยบายโควิดเป็นศูนย์ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของแอปเปิ้ลอย่างรุนแรง โดยเหตุประท้วงที่โรงงานของฟ็อกซ์คอนน์ในเมืองเจิ้งโจวสร้างผลเสียต่อทั้งแอปเปิ้ลและฟ็อกซ์คอนน์" นายแดน ไอฟ์ส จากบริษัทเวดบุช ซีเคียวริตี้ส์กล่าว พร้อมเสริมว่า

 

"เราประมาณการว่าขณะนี้แอปเปิ้ลกำลังเผชิญภาวะขาดแคลน iPhone อย่างชัดเจน ซึ่งอาจทำให้ผลผลิตลดลงอย่างน้อย 5% ในไตรมาสนี้ และอาจจะมากถึง 10% โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตลอดช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้าในจีน"


สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ขณะนี้ผลผลิต iPhone Pro มีแนวโน้มลดลง 6 ล้านเครื่องในปีนี้ จากผลพวงของปัญหาติดขัดต่าง ๆ และแอปเปิ้ลเคยออกมาแสดงการคาดการณ์ว่าระยะเวลารอคอยส่งมอบผลิตภัณฑ์จะยาวนานขึ้นในปีนี้ โดยแอปเปิ้ลและฟ็อกซ์คอนน์วางแผนชดเชยผลผลิตที่ลดน้อยลงในไตรมาสนี้ด้วยการเพิ่มการผลิตในปี 2565 แม้ไม่ชัดเจนว่าเมื่อถึงเวลานั้นแล้วลูกค้าจะยังมีความต้องการซื้ออยู่อีกหรือไม่