“12 มหาเศรษฐีโลก” ประสานเสียง เตือนสหรัฐจ่อปากเหวเศรษฐกิจถดถอยที่ยาวนาน

21 พ.ย. 2565 | 05:42 น.

"เจฟฟ์ เบซอส" เป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีโลกรายล่าสุดจากทั้งหมด 12 คน ที่ออกมาประสานเสียง เตือนบรรดานักลงทุนว่า เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกากำลังเสี่ยงถดถอยในไม่ช้านี้ หมดเวลาเย็นใจ และองค์กรธุรกิจควรเตรียมรับมือวิกฤตกันได้แล้ว

 

นายเจฟฟ์ เบซอส เจ้าของบริษัทแอมะซอน รวมถึง นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเทสลา และ นายเคน กริฟฟิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทซิทาเดล แอลแอลซี ต่างออกมาเตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐ เสี่ยงเข้าสู่ ภาวะถดถอย ในไม่ช้า เช่นเดียวกับบรรดาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นักลงทุน และสถาบันวิชาการต่าง ๆ ที่พร้อมใจกันคาดการณ์ถึง “ภาวะขาลงทางเศรษฐกิจ” ที่อาจกินเวลายาวนาน

 

นอกจากนี้ นายคาร์ล ไอคาห์น นักการเงินผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทไอคาห์น เอนเตอร์ไพรเซส รวมถึง นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารเจพีมอร์แกน เชส และนายชาร์ลี มังเกอร์ รองประธานบริษัทเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ อิงค์ ต่างก็คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวและอัตราว่างงานจะเพิ่มสูงขึ้น โดยมี "ปัจจัยกดดันทางลบ" หลากหลายประการ ซึ่งรวมถึง

  • การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อชะลอเงินเฟ้อ
  • สงครามในยูเครน
  • และการล็อกดาวน์สกัดกั้นโควิด-19 ของจีน ที่ส่งผลกระทบต่อการค้าโลก

 

เรามาดู “คำเตือน” จากกลุ่มนักธุรกิจและนักลงทุนระดับหัวกะทิของโลกทั้ง 12 คน มีดังนี้

 

เจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทแอมะซอน

1) นายเจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทแอมะซอน

  • "ขณะนี้เศรษฐกิจดูไม่ค่อยดีนัก สิ่งต่าง ๆ เริ่มชะลอตัวลง หลายภาคส่วนต้องปลดพนักงาน หากเศรษฐกิจยังไม่ถดถอยในตอนนี้ ก็น่าจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ ดังนั้น คุณควรลดความเสี่ยงของคุณให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หวังว่าทุกอย่างจะไปได้สวย แต่ก็ต้องเตรียมตัวสำหรับสถานการณ์ที่แย่ที่สุดไปด้วย"
  • "ความน่าจะเป็นในเศรษฐกิจนี้บอกให้คุณเตรียมการรับมือวิกฤต"

 

อีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเทสลา, สเปซเอ็กซ์ และทวิตเตอร์

2) นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเทสลา สเปซเอ็กซ์ และทวิตเตอร์

  • "สหรัฐมีแนวโน้มเผชิญภาวะถดถอยขั้นรุนแรงเป็นเวลานาน 1 หรือ 2 ปี"
  • "พูดตรง ๆ นะ ภาพเศรษฐกิจในอนาคตนั้นเลวร้ายมาก โดยเฉพาะสำหรับบริษัทอย่างเราๆ ซึ่งต้องพึ่งพาการโฆษณาอย่างสูง ภายใต้ภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ท้าทาย"

 

เคน กริฟฟิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารซิทาเดล

3) นายเคน กริฟฟิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารซิทาเดล

  • "การที่เฟดจะเอาชนะเงินเฟ้อได้อย่างแท้จริงนั้น เราจะต้องทำให้อัตราว่างงานเคลื่อนไหวที่กรอบกลางของ 4% ผมยากที่จะเชื่อว่า เราจะไม่เผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วงนั้น ซึ่งจะตรงกับช่วงกลางไปจนถึงครึ่งหลังของปี 2566"

 

ชาร์ลี มังเกอร์ รองประธานบริษัทเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ อิงค์

4) นายชาร์ลี มังเกอร์ หุ้นส่วนธุรกิจของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์และรองประธานบริษัทเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ อิงค์

  • "ผมคิดว่าเฟดเต็มใจที่จะปล่อยให้เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอยเล็กน้อย เพื่อไม่ให้เกิดภาวะเงินเฟ้อสูงจนหลุดการควบคุม นั่นคือสิ่งที่เฟดควรจะทำ ผมได้แต่หวังว่าพวกเขาควรจะไม่เป็นคนที่ดื่มจนเมามายเมื่ออยู่ในงานเลี้ยง"

 

คาร์ล ไอคาห์น ประธานไอคาห์น เอนเตอร์ไพรเซส

5) นายคาร์ล ไอคาห์น ประธานไอคาห์น เอนเตอร์ไพรเซส

  • "เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเผชิญอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ คุณก็จะเผชิญกับเส้นอัตราผลตอบแทนแบบผกผัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเคลื่อนไหวใกล้ระดับ 5% ซึ่งเป็นระดับที่บ่งชี้ว่าคุณจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย และผมคิดว่าเราตกอยู่ภายใต้ภาวะถดถอยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยต้องจัดการหลายสิ่งหลายอย่าง เพื่อนำพาเราออกจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย"

 

เจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารเจพีมอร์แกน

6) นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน:

  • "มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะถดถอยเล็กน้อย โดยผู้บริโภคอยู่ในเกณฑ์ดีมาก บริษัทต่าง ๆ ก็อยู่ในเกณฑ์ดีมาก ๆ แต่ก็มีปัจจัยลบอื่น ส่วนใหญ่เป็นเพราะสงครามในยูเครนและราคาน้ำมัน" 

 

เดวิด โซโลมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโกลด์แมน แซคส์

7) นายเดวิด โซโลมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโกลด์แมน แซคส์

  • "โดยทั่วไปแล้ว เมื่อคุณตกอยู่ในสถานการณ์เศรษฐกิจที่เงินเฟ้อหยั่งรากลึกเช่นนี้ เป็นเรื่องยากมากที่จะหลุดพ้นจากภาวะการณ์ดังกล่าวได้โดยไม่ปล่อยให้เศรษฐกิจที่แท้จริงชะลอตัว มีความเป็นไปได้สูงมากที่สหรัฐจะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย"

 

เจฟฟ์ กันด์ลัค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทดับเบิลไลน์ แคปิตอล

8) นายเจฟฟ์ กันด์ลัค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทดับเบิลไลน์ แคปิตอล

  • "มีโอกาส 60% ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยในช่วง 6 - 8 เดือนข้างหน้า และสำหรับปี 2566 ผมให้น้ำหนักมากขึ้นที่ 80%"

 

ลีออน คูเปอร์แมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทโอเมก้า แอดไวเซอร์ส

9) นายลีออน คูเปอร์แมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทโอเมก้า แอดไวเซอร์ส

  • "การคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟด การคุมเข้มเชิงปริมาณ การแข็งค่าของดอลลาร์ และราคาน้ำมันที่แพงขึ้นจะเป็นปัจจัยที่ทำให้สหรัฐเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 เราคาดว่าอุปสงค์จะสูงกว่าที่ควรจะเป็น เพราะนโยบายการคลังและการเงินที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงก่อให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อ"

 

เกร็ก เจนเซ่น ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศ บริษัทบริดจ์วอเตอร์ แอสโซซิเอตส์

10) นายเกร็ก เจนเซ่น ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศ บริษัทบริดจ์วอเตอร์ แอสโซซิเอตส์

  • "เราคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะถดถอยรุนแรงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยปี 2566 มีแนวโน้มจะเป็นปีที่เศรษฐกิจโลกถดถอยอย่างหนัก"
  • "คุณอาจจะมองไม่เห็นจุดต่ำสุดของตลาดหุ้นจนกว่าสถานการณ์จะเริ่มคลี่คลาย ซึ่งน่าจะเป็นช่วง 6 - 7 เดือนนับจากนี้ คุณน่าจะไม่เห็นการสิ้นสุดของจุดต่ำสุดของเศรษฐกิจสหรัฐอีกประมาณ 9 เดือน หรือนานกว่านั้น"

 

นูเรล รูบินี นักเศรษฐศาสตร์ของเอ็นวายยู สเทิร์น เจ้าของฉายา "ด็อกเตอร์ดูม"

11) นายนูเรล รูบินี นักเศรษฐศาสตร์ของเอ็นวายยู สเทิร์น เจ้าของฉายา "ด็อกเตอร์ดูม" (Dr. Doom)

  • "ประวัติศาสตร์ชี้ว่า แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลีกเลี่ยงการทรุดตัวลงอย่างรุนแรง คุณจะไม่ได้เผชิญเพียงแค่เงินเฟ้อ ไม่ใช่เพียงแค่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่เป็น 'วิกฤตการณ์หนี้จากภาวะเศรษฐกิจชะงักงันท่ามกลางเงินเฟ้อสูงครั้งใหญ่ (Great Stagflationary Debt Crisis) ซึ่งเลวร้ายกว่าในยุค 70 อย่างมาก และน่าจะแย่กว่าวิกฤตการณ์ทางการเงินโลก (Global Financial Crisis)

 

เคน โรกอฟฟ์ นักเศรษฐศาสตร์ฮาร์วาร์ด

12) นายเคน โรกอฟฟ์ นักเศรษฐศาสตร์ฮาร์วาร์ด

  • "คุณต้องพิจารณาโลกทั้งใบ ซึ่งอยู่ในเกณฑ์เลวร้ายจริง ๆ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่สหรัฐจะต้านทานไหว ผมกังวลว่าเราจะไม่เผชิญเพียงแค่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเล็กน้อย ผมคิดว่าโอกาสที่เราจะเผชิญภาวะถดถอยอย่างรุนแรงนั้นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว"