อัพเดทเหตุระทึก "เกาหลีเหนือ-ใต้" ยิงขีปนาวุธโต้กันสนั่นโลก

05 ต.ค. 2565 | 08:52 น.

การยิงขีปนาวุธตอบโต้กันระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ในช่วงสัปดาห์นี้ สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาคมโลกอีกครั้ง ทั้งยังเพิ่มความตึงเครียดให้กับคาบสมุทรเกาหลีอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ต่อไปนี้เป็นประมวลลำดับเหตุการณ์และอัพเดทผลกระทบของเหตุระทึกครั้งนี้

การประกาศศักดาทางการทหารโต้ตอบกันระหว่าง เกาหลีเหนือ และ เกาหลีใต้ ในช่วงสองวันมานี้ (4-5 ต.ค.) สร้างความแตกตื่นไม่เพียงในสองประเทศคู่กรณี เพราะแม้แต่ ญี่ปุ่น และ สหรัฐอเมริกา พันธมิตรของเกาหลีใต้ ก็ยังสะดุ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น ต่อไปนี้เป็น ไทม์ไลน์ของเหตุการณ์ดังกล่าว 

 

4 ตุลาคม 2565 

เกาหลีเหนือ : เช้าวันอังคารที่ 4 ต.ค. เกาหลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยกลางไปไกลกว่าที่เคย คิดเป็นระยะทาง 4,500 กิโลเมตร โดยเป็นการยิงข้ามประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีหรือนับตั้งแต่ปี 2560 ก่อนที่ขีปนาวุธดังกล่าวจะตกลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก

 

ระยะทางดังกล่าวนั้น ไกลพอที่เดินทางถึงเกาะกวมของสหรัฐอเมริกา หากรัฐบาลเปียงยางเจตนาจะยิงมันไปในทิศทางนั้น

 

ญี่ปุ่น : ทางการญี่ปุ่นเปิดไซเรนแจ้งเตือนประชาชนในภาคเหนือ รวมถึงที่เกาะฮอกไกโดและเมืองอาโอโมริ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ให้เข้าไปหลบในอาคาร หรือชั้นใต้ดิน และเตือนให้ประชาชนระวังเศษชิ้นส่วนที่อาจตกลงมาด้วย สร้างความกังวลแก่ผู้คนในระดับหนึ่ง แต่สถานการณ์ผ่านพ้นไปโดยไม่มีรายงานความเสียหายใดๆ

 

นายฟุมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น แถลงประณามการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือว่า เป็นพฤติกรรมความรุนแรง ขณะที่นายยาสุคาซุ ฮามาดะ รัฐมนตรีกลาโหม กล่าวว่า ญี่ปุ่นไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะเสริมการป้องกันตัวเอง รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการโจมตีตอบโต้

 

เกาหลีใต้ : ในวันเดียวกันนั้น เครื่องบินรบของกองทัพเกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกา ได้ร่วมฝึกซ้อมการทิ้งระเบิดในทะเล เพื่อตอบโต้การยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดของฝ่ายเกาหลีเหนือ โดยคณะเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ระบุว่า มีเครื่องบินของพวกเขาเข้าร่วม 4 ลำ ทิ้งระเบิดเข้าใส่เป้าหมายจำลองบนเกาะร้างในทะเลเหลือง

สื่อทางการของเกาหลีเหนือเผยแพร่ภาพการทดสอบยิงขีปนาวุธ         
     

สหรัฐ-อียู-ยูเอ็น  : ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ได้ออกมาประณามการทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนืออย่างรุนแรง

 

เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ปธน.ไบเดน ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น ก่อนที่จะออกแถลงประณามเกาหลีเหนือ โดยเนื้อหาแถลงการณ์ระบุว่า การทดสอบขีปนาวุธดังกล่าวเป็นอันตรายต่อประชาชนชาวญี่ปุ่น ทำให้เกิดความไร้เสถียรภาพในภูมิภาค และเป็นการละเมิดมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นเอสซี อย่างชัดเจน ประธานาธิบดีไบเดนยังกล่าวย้ำด้วยว่า สหรัฐยึดมั่นพันธะสัญญาในการปกป้องญี่ปุ่น

 

ขณะที่สหภาพยุโรป (อียู) ระบุว่า การกระทำของเกาหลีเหนือครั้งนี้เป็นการยั่วยุที่ประมาทและจงใจ ส่วนนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) ประณามการยิงขีปนาวุธพร้อมย้ำว่า นี่เป็นการฝ่าฝืนมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

"นี่เป็นการฝ่าฝืนมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ"  อันโตนิโอ กูเตอร์เรส

 

5 ตุลาคม 2565

เกาหลีใต้ : เกาหลีใต้และสหรัฐเพิ่มการตอบโต้เกาหลีเหนือ โดยเสนาธิการทหารเกาหลีใต้เปิดเผยว่า กองทัพเกาหลีใต้และสหรัฐซึ่งร่วมซ้อมรบกันอยู่ ได้ยิงขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยใกล้ ATACMS ตกลงในทะเลตะวันออกระหว่างการซ้อมรบร่วมกันฝ่ายละ 2 ลูก โดย ATACMS เป็นขีปนาวุธที่ผลิตขึ้นในสหรัฐอเมริกา

 

หลังจากนั้น ยังมีการแถลงอีกครั้งในเวลาต่อมาว่า ขีปนาวุธทิ้งตัว ฮยอนมู-2 ที่กองทัพเกาหลีใต้กำลังยิงฝึกซ้อม ประสบเหตุขัดข้องลุกไหม้ และร่วงตกใส่ฐานทัพอากาศในแถบชานเมืองคังนึง ทางชายฝั่งภาคตะวันออกของประเทศเกาหลีใต้ แต่หัวรบไม่ระเบิด และไม่มีผู้ได้รับอันตราย

 

ทั้งนี้ กองทัพเกาหลีใต้ได้แถลงขอโทษอย่างเป็นทางการที่สร้างความตื่นตระหนกแก่ประชาชน และทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่ากำลังถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ

 

ชาวบ้านในเมืองคังนึง เปิดเผยว่า เห็นแสงไฟสว่างวาบ และได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นเมื่อเวลาราว 1.00 น. ของวันพุธ (5 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น และหลายคนได้โพสต์แสดงความสงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในโซเชียลมีเดีย มีการแชร์ภาพถ่ายและคลิปวิดีโอ ที่แสดงให้เห็นว่า เกิดไฟไหม้ลุกโชน และกลุ่มควันปกคลุมในระยะไกล บางคนบอกว่า กังวลจนนอนไม่หลับ และบ้างก็คิดว่าเป็นการโจมตีจากเกาหลีเหนือ กระทั่งผ่านไปราว 7 ชั่วโมง กองทัพ(เกาหลีใต้) จึงออกมาแถลงชี้แจง

 

โดยสรุป แม้ไม่มีความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินเกิดขึ้น แต่การตอบโต้ระหว่างสองเกาหลีครั้งล่าสุดนี้ ก็เป็นการตอกย้ำว่า เสถียรภาพยังไม่อาจเกิดขึ้นในคาบสมุทรเกาหลี และยังต้องมีนานาประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง

 

ทั้งนี้ เกาหลีเหนือยังคงท้าทายอำนาจยูเอ็นและชาติตะวันตกด้วยการทดสอบยิงขีปนาวุธมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะๆ และ ครั้งล่าสุดนี้ ก็นับเป็นการยิงขีปนาวุธครั้งที่ 5 ของเกาหลีเหนือในรอบเดือนที่ผ่านมา และยังเป็นขีปนาวุธที่เดินทางเป็นระยะทางไกลที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมา ข่าวระบุว่า จรวดลูกนี้ยังสามารถบินพุ่งขึ้นไปได้สูงราว 1,000 กิโลเมตร ซึ่งสูงกว่าจุดที่สถานีอวกาศนานาชาติโคจรอยู่อีกด้วย

 

รายงานข่าวกรองล่าสุดของสหรัฐเปิดเผยว่า รัฐบาลเปียงยางกำลังเตรียมความพร้อมเพื่อทดสอบอาวุธนิวเคลียร์รอบใหม่ แต่รอให้การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 ที่กำลังจะมีขึ้นในกรุงปักกิ่งช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้ ผ่านพ้นไปเสียก่อน