svasdssvasds
logo-pwa

เพิ่ม thansettakij

ลงในหน้าจอหลักของคุณ

ติดตั้ง
ปิด
thansettakij

"สี จิ้นผิง" ออกนอกประเทศครั้งแรก พร้อมพบ "ปูติน" วันนี้

15 กันยายน 2565

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เดินทางจากคาซัคสถานถึงอุซเบกิสถานแล้วช่วงค่ำวานนี้ (14 ก.ย.) เพื่อร่วมการประชุม Shanghai Cooperation Organization ในวันนี้ (15 ก.ย.) และที่นั่นเขาจะพบกับประธานาธิบดีปูติน ผู้นำรัสเซีย อันเป็นไฮไลท์ของการเดินทางออกนอกประเทศครั้งนี้

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เดินทางออกนอกประเทศเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี หรือนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่นของจีนในปี 2562 โดยเมื่อวันที่ 14 ก.ย. เขาเดินทางเยือน คาซัคสถาน และได้เข้าพบประธานาธิบดีกัสซิม โจมาร์ท โตคาเยฟ ผู้นำคาซัคสถาน มีการหารือเกี่ยวกับประเด็นพลังงานและการค้า ก่อนจะออกเดินทางมายัง อุซเบกิสถาน ในช่วงค่ำ เพื่อร่วมประชุม 1เวทีใหญ่และพบปะกับ ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย 

 

ที่เมืองซามาร์คานต์ ประเทศอุซเบกิสถาน ซึ่งในอดีตเคยเป็นเมืองสำคัญบนเส้นทางสายไหมอันรุ่งเรืองด้านการค้าของจีน ปธน.สีจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ หรือ Shanghai Cooperation Organization ในวันนี้ (15 ก.ย.) จากนั้นมีกำหนดพบปะกับปธน.ปูติน นอกรอบการประชุมดังกล่าว ซึ่งผู้นำทั้งสองจะหารือกันเกี่ยวกับประเด็นยูเครนและไต้หวัน รวมทั้งประเด็นอื่นๆในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ

นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า การเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกนี้ เป็นสัญญาณแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจเป็นพิเศษของปธน.สี จิ้นผิง เกี่ยวกับการประชุมใหญ่ครั้งที่ 20 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 16 ตุลาคมนี้ ซึ่งเขามั่นใจว่าจะได้ครองอำนาจต่อเนื่อง 3 สมัย ซึ่งแตกต่างไปจากธรรมเนียมที่เคยเป็นมา (เดิมรัฐธรรมนูญจำกัดวาระตำแหน่งของประธานาธิบดีจีนไม่เกิน 2 สมัย ระยะเวลา 10 ปี แต่ต่อมาก็ได้มีการเสนอแก้ไข ยกเลิกข้อจำกัดดังกล่าว ปูทางให้ปธน.สี เป็นผู้นำจีนคนแรกที่จะได้อยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุด และสามารถอยู่ในตำแหน่งได้ตลอดชีวิต)

ปธน.สี จิ้นผิง ต้องการแสดงให้เห็นว่า เขาได้รับความสนับสนุนทางยุทธศาสตร์เป็นอย่างดีจากฝ่ายรัสเซีย

สำหรับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เป็นเรื่องสำคัญอย่างมากที่เขาต้องแสดงให้บรรดาผู้นำทางการเมืองภายในพรรค(คอมมิวนิสต์จีน) เห็นว่า เขาเองนั้นได้รับความสนับสนุนทางยุทธศาสตร์เป็นอย่างดีจากฝ่ายรัสเซีย” ดร.อเล็กซานเดอร์ โคโรเลฟ ผู้เชี่ยวชาญด้านจีน-รัสเซียจากมหาวิทยาลัยนิวเซาธ์เวลส์ ให้ความเห็น ทั้งยังมองว่า ปธน.ปูติน ผู้นำรัสเซียเอง ซึ่งกำลังรุกบ้าง ถอยบ้าง ในสมรภูมิการสู้รบในยูเครน ทั้งยังถูกรุมกระหน่ำด้วยมาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก ก็มีความต้องการอย่างยิ่งยวดที่จะแสดงให้ชาวโลกเห็นว่า รัสเซียยังได้รับความสนับสนุนจากมหาอำนาจอย่างจีน

ทั้งนี้ จีนและรัสเซียได้ประกาศความสนับสนุนซึ่งกันและกันอย่างไร้ขีดจำกัด หรือ no limits partnership มาตั้งแต่ก่อนที่รัสเซียจะเปิดปฏิบัติการพิเศษทางการทหารในยูเครนเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา นักวิเคราะห์กล่าวว่า จีนนั้นยืนหยัดเคียงข้างรัสเซีย ทั้งที่พยายามแสดงให้นานาประเทศเห็นว่า จีนไม่ได้เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่จริงๆ แล้ว จีนอยู่ฝ่ายรัสเซียโดยไร้ข้อสงสัย โดยนับตั้งแต่ที่รัสเซียรุกรานยูเครนและมีปัญหากับสหรัฐกับชาติตะวันตกทั้งหลาย ปริมาณการค้าระหว่างจีน-รัสเซียก็ทะยานสูงขึ้น ทั้งยังมีความร่วมมือทางเศรษฐกิจมากขึ้นด้วย

 

และด้วยท่าทีที่เปิดเผย จีนระบุว่าการขยายพื้นที่พันธมิตรนาโต (องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ) เข้ามาประชิดติดชายแดนรัสเซียมากยิ่งขึ้น นับเป็นการยั่วยุรัสเซียก่อน ทั้งยังเป็นการคุมคามเสถียรภาพของรัสเซีย แต่จีนก็ไม่ได้ให้การรับรองหรือสนับสนุนการรุกรานยูเครนของกองทัพรัสเซีย

 

นักวิเคราะห์การเมืองจีน-รัสเซียระบุว่า การเยือนคาซัคสถานและประเทศอื่นในเอเชียกลาง (อย่างอุซเบกิสถาน) ยังสะท้อนว่าประเทศเหล่านี้ มีความสำคัญต่อนโยบายความริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative: BRI) ของปธน.สี จิ้นผิงอีกด้วย

 

นอกจากนี้ การแสดงความเป็นพันธมิตรอย่างไร้ขีดจำกัดระหว่างจีน-รัสเซีย ยังเป็นการแสดงออกที่ชัดเจนในเวทีโลกว่า “จีนไม่ได้ถูกโดดเดี่ยว” แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐในระยะหลัง ๆ นี้จะเสื่อมถอยลงก็ตาม