รัสเซียจับมือจีน “สี” เตรียมพบ “ปูติน”สัปดาห์นี้ มีอะไรต้องจับตา

12 ก.ย. 2565 | 00:29 น.

ประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ผู้นำจีน กำลังจะเดินทางออกนอกประเทศเป็นครั้งแรกในรอบกว่าสองปีนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 ที่มณฑลอู่ฮั่นในปี 2562 โดยเขามีกำหนดพบปะกับ ปธน.ปูติน ผู้นำรัสเซีย ในช่วงเวลาที่นานาชาติพากันคว่ำบาตรรัสเซียโทษฐานที่รุกรานยูเครน

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง จะเดินทางออกนอก ประเทศจีน เป็นครั้งแรกในสัปดาห์นี้ โดยเขาจะเยือนคาซัคสถานในวันพุธ (14 ก.ย.) ก่อนที่จะไปร่วมการประชุม Shanghai Cooperation Organization ที่มีจีนเป็นแกนนำ ในเมืองซามาร์คานด์ ประเทศอุซเบกิสถาน ในช่วงปลายสัปดาห์ ซึ่งที่นั่น เขาจะได้พบกับ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย 

 

แม้จนถึงขณะนี้ ทั้งทางการรัสเซียและจีน ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดการหารือระหว่างผู้นำทั้งสองแต่อย่างใด แต่การเยือนต่างประเทศของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงครั้งนี้ถูกมองว่า เป็นการ “แสดงความมั่นใจ” ของปธน.สี ว่าเขาจะสามารถครองตำแหน่งผู้นำสูงสุดของจีนต่อไปเป็นเทอมที่ 3 โดยจะมีการรับรองสถานะของเขาในตำแหน่งผู้นำสูงสุดของจีนต่อไปในการประชุมใหญ่ครั้งที่ 20 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 16 ตุลาคมนี้

 

ที่ผ่านมา ผู้นำทั้งสองเคยพบปะกันมาแล้ว 38 ครั้ง

อะไรน่าจะเกิดขึ้นบ้างระหว่างจีน-รัสเซีย

นักวิเคราะห์เชื่อว่า ในการพบปะกับผู้นำรัสเซียครั้งนี้ ปธน.สี อาจจะใช้โอกาสนี้เน้นย้ำอิทธิพลทางการเมืองของตนเอง ขณะที่ปธน.ปูติน ผู้นำรัสเซีย ก็สามารถแสดง “จุดยืนของรัสเซีย” ที่เอนเอียงไปทางเอเชียมากขึ้น นอกจากนี้ ผู้นำทั้งสองยังสามารถแสดงจุดยืนต่อต้านอเมริกาและชาติตะวันตกร่วมกัน

 

รอยเตอร์ระบุว่า ย้อนไปในอดีตที่ผ่านมา ปธน.สี จิ้นผิง และปธน.วลาดีเมียร์ ปูติน เคยพบกันมาแล้ว 38 ครั้งในฐานะผู้นำประเทศ โดยครั้งสุดท้าย การพบกันระหว่างผู้นำทั้งสองเกิดขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้เอง (2565) ระหว่างพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่ง โดยปธน.ปูติน เดินทางไปเยือนปักกิ่งด้วยตัวเอง ซึ่งก็เป็นไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่รัสเซียจะส่งกำลังทหารบุกรุกรานยูเครนในวันที่ 24 กุมภาพันธ์

หลังจากถูกนานาชาติตะวันตกคว่ำบาตร รัสเซียก็เอนเอียงหันหาเอเชียมากขึ้น

และในการพบกันครั้งนั้น ผู้นำทั้งสองคนต่างประกาศ “ความเป็นพันธมิตรอย่างไร้ข้อจำกัด" ทั้งสองฝ่ายประกาศจะสนับสนุนซึ่งกันและกันในประเด็นเกี่ยวกับยูเครนและไต้หวัน และจะร่วมกันต่อต้านชาติตะวันตก ซึ่งเท่าที่ผ่านมา จีนก็ยังยึดมั่นในคำประกาศนั้น โดยจีนยังไม่เคยประณามปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครน ไม่เพียงเท่านั้น จีนยังระบุว่าสหรัฐอเมริกาและชาติตะวันตกเป็นฝ่ายที่ยั่วยุรัสเซียก่อนด้วยซ้ำ

มองมาทางด้านปธน.ปูติน เขาเองก็แสดงจุดยืนชัดเจนว่า รัสเซียกำลังใช้นโยบายเอนเอียงไปทางเอเชียมากขึ้น หลังจากที่รัสเซียต้องเผชิญกับมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงจากชาติตะวันตกในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในด้านพลังงานที่เป็นสินค้าส่งออกสำคัญที่สร้างรายได้ให้กับรัสเซีย มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันและก๊าซจากรัสเซียของชาติตะวันตก ทำให้รัสเซียเบนเข็มหาผู้ซื้อจากแถบเอเชียทดแทน  

 

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ปธน.ปูติน เปิดเผยว่า ก๊าซพรอม (Gazprom) ซึ่งเป็นบริษัทก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ของรัสเซีย ได้บรรลุข้อตกลงส่งออกก๊าซไปยังจีนผ่านทางมองโกเลีย ในโครงการขนส่งผ่านท่อก๊าซ Power of Siberia 2 ซึ่งสามารถรองรับก๊าซได้ราว 50,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 1 ใน 3 ของปริมาณก๊าซที่รัสเซียเคยส่งออกไปยังยุโรป

ท่อก๊าซในโครงการ Power of Siberia 2 จะนำก๊าซจากรัสเซียผ่านมองโกเลียไปยังจีน

ทั้งนี้ ในการประชุม Shanghai Cooperation Organization ที่ประเทศอุซเบกิสถาน (ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในเส้นทางสายไหมอันรุ่งเรืองของจีนในอดีต) ในสัปดาห์นี้ จะมีรัสเซีย จีน ปากีสถาน และประเทศในเอเชียกลาง 4 ประเทศ เข้าร่วมประชุมกัน ซึ่งคาดว่าจะมีการรับรอง “อิหร่าน” อีกหนึ่งประเทศที่เป็นคู่อริของสหรัฐ ให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของกลุ่มความร่วมมือนี้ด้วย

 

ข้อมูลอ้างอิง

Xi to meet Putin in first trip outside China since COVID began