ศาสตราจารย์ ริชาร์ด เธเลอร์ (Richard Thaler) นักเศรษฐศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบลปี 2560 เปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีวานนี้ (25 ส.ค.) ว่า แม้ เศรษฐกิจสหรัฐ หดตัวลงติดต่อกัน 2 ไตรมาสแรกของปีนี้ แต่เป็นเรื่องไม่ถูกต้องนักหากจะสรุปว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังเข้าสู่ ภาวะถดถอย (recession)
"ผมยังไม่เห็นหลักฐานใด ๆ ที่จะสรุปว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย เรามีอัตราว่างงานที่ต่ำเป็นประวัติการณ์ ขณะที่มีตำแหน่งงานว่างสูงเป็นประวัติการณ์ สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจของเรายังคงแข็งแกร่ง"
เธเลอร์ ซึ่งเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยชิคาโกในสหรัฐอเมริกา ผู้ซึ่งคว้ารางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ประจำปี 2560 กล่าวต่อไปว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังขยายตัว แม้จะเป็นการขยายตัวที่รวดเร็วน้อยกว่าการขยายตัวของอัตราเงินเฟ้อก็ตาม และนั่นหมายความว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่แท้จริงชะลอตัวลงเพียงเล็กน้อย
“ผมมองว่าเป็นเรื่องน่าขัน หากเราจะสรุปว่านั่นเป็นภาวะถดถอย เพราะจากประสบการณ์ตลอดชีวิตการเป็นนักเศรษฐศาสตร์ของผม เศรษฐกิจในลักษณะเช่นนี้ไม่เรียกว่าถดถอย"
การแสดงความคิดเห็นของศาสตราจารย์เธเลอร์มีขึ้น หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ (25 ส.ค.) ว่า GDP ไตรมาส 2 หดตัวลง 0.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี หลังจากหดตัว 1.6% ในไตรมาส 1 ซึ่งที่ผ่านมานั้น ตัวเลข GDP ที่หดตัวลงติดต่อกัน 2 ไตรมาสจะถูกนิยามว่า เศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้วในทางเทคนิค
ทั้งนี้ โดยปกติแล้ว สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐ (NBER) คือหน่วยงานที่จะประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการขยายตัวหรือการถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐ แต่มีแนวโน้มว่า NBER จะไม่ตัดสินชี้ชัดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเป็นเวลาอีกหลายเดือน
ศาสตราจารย์เธเลอร์ยังให้ความเห็นเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐที่พุ่งขึ้น 8.5% ในเดือน ก.ค.ว่า ราคาสินค้าและบริการบางอย่างที่ขยับสูงขึ้นก็เป็นผลโดยตรงมาจากสงครามในยูเครนหรือปัญหาซัพพลายเชนในจีน ซึ่งก็หวังว่าทั้งสองเรื่องนี้จะเป็นปัจจัยที่เกิดขึ้นและคงอยู่เพียงชั่วคราว ถึงแม้ว่าอีก 1 ปีข้างหน้านับจากนี้ สงครามอาจจะยังไม่ยุติ หรือการระบาดของโควิดยังมีผลกระทบต่อซัพพลายเชนในจีน แต่ถ้าเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือทั้งสองเรื่องนี้เริ่มคลี่คลายหรือบรรเทาเบาบางลง เราก็จะได้เห็นราคาสินค้าและบริการปรับตัวตามลงมา นอกจากนี้ เขายังเชื่อว่า ตลาดแรงงานยังมีความต้องการแรงงาน และปีหน้าอาจจะได้เห็นการปรับขึ้นของค่าจ้างแรงงาน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี
ศาสตราจารย์เธเลอร์ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่มีชื่อเสียงอย่างกว้างขวาง และเขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ในปี 2560 จากผลงานที่แสดงให้เห็นว่า ในเวลาตัดสินใจทางด้านเศรษฐกิจและด้านทางการเงินนั้น มนุษย์เราไม่ได้กระทำด้วยความสมเหตุสมผลเสมอไป แต่ส่วนใหญ่แล้วจะกระทำด้วยธรรมชาติความเป็นมนุษย์ของเราอย่างล้ำลึก
การเชื่อมต่อช่องว่างระหว่างเศรษฐศาสตร์กับจิตวิทยา ทำให้งานศึกษาวิจัยของเธเลอร์เป็นการโฟกัสไปที่ เศรษฐศาสตร์พฤติกรรม (behavioural economics) ซึ่งมุ่งสำรวจตรวจสอบผลกระทบของปัจจัยด้านจิตวิทยาและด้านสังคม ที่มีต่อการตัดสินใจของบุคคลหรือของกลุ่ม ในระบบเศรษฐกิจและในตลาดการเงินทั้งหลาย
คณะกรรมการพิจารณาตัดสินรางวัลโนเบลระบุในคำประกาศตัดสินว่า ศาสตราจารย์เธอเลอร์ทำให้เศรษฐศาสตร์มีความเป็นมนุษย์มากขึ้น และเรียกเขาว่า เป็น “นักบุกเบิกผู้หนึ่ง” ในการบูรณาการเศรษฐศาสตร์กับจิตวิทยาเข้าด้วยกัน
นอกจากนี้ เธเลอร์ยังเคยร่วมฉากกับดาราชื่อดังอย่าง เซเลนา โกเมซ คริสเตียน เบล สตีฟ แคเรลล์ และไรอัน กอสลิ่ง ในภาพยนตร์เรื่อง "The Big Short" หรือ “เกมฉวยโอกาสรวย” ซึ่งออกฉายในปี 2558 เป็นภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับบรรดานักการเงินมืออาชีพในยุคที่สหรัฐต้องเผชิญกับวิกฤตซับไพรม์ หรือการปล่อยเงินกู้ให้กับผู้ที่มีความสามารถชำระหนี้เงินกู้คืนต่ำกว่ามาตรฐาน การพังทลายของฟองสบู่สินเชื่อและภาคอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐที่นำไปสู่วิกฤตภาคการเงินทั่วโลกปี 2008
เธเลอร์มีชื่อเสียงโด่งดังจากการเป็นผู้ร่วมก่อตั้งทฤษฎี “การสะกิด” หรือ nudge theory ซึ่งแสดงให้เห็นว่า คนเราสามารถที่จะถูกตะล่อมชักจูงให้ตัดสินใจทำสิ่งที่จะทำให้พวกเขามีสุขภาพที่ดีขึ้นและมีความสุขมากขึ้นได้อย่างไร เขาเป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำแก่รัฐบาลของหลายๆ ประเทศ เช่น เดนมาร์ก และฝรั่งเศส
นายเดวิด คาเมรอน เมื่อครั้งยังเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้จัดตั้งทีมงานขึ้นมาทีมหนึ่งเมื่อปี 2553 ในชื่อเรียกแบบลำลองว่า “nudge unit” หรือ หน่วยคอยสะกิด เพื่อปรับแต่งเปลี่ยนโฉมนโยบายต่างๆ จำนวนหนึ่ง ให้อยู่ในลักษณะสะกิดกระตุ้นชาวอังกฤษอย่างนุ่มนวล เพื่อให้พวกเขาตัดสินใจในสิ่งที่ถูกซึ่งจะทำให้พวกเขามีสุขภาพที่ดีขึ้นและมีความสุขมากขึ้น