จนท.เฟดเสียงแตกก่อนการประชุม "แจ็กสัน โฮล" จะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% หรือ 0.75%

26 ส.ค. 2565 | 02:56 น.

การประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล กำลังจะเริ่มขึ้นในวันนี้ ขณะเจ้าที่ระดับสูงของเฟดยังคงเสียงแตก ไม่สามารถฟันธงได้ว่า การประชุมนโยบายการเงินในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.50% หรือ 0.75% กันแน่

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานอ้างอิงนางเอสเธอร์ จอร์จ ประธาน ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแคนซัส ซิตี้ ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัด การประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในวันนี้ (26 ส.ค.) ระบุว่า ยังคงเร็วเกินไปที่จะบอกว่า เฟด จะปรับ ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% หรือ 0.75% ในเดือนก.ย.นี้

 

ประธานเฟดสาขาแคนซัส ซิตี้ ยังกล่าวด้วยว่า แม้นโยบายเฟดซึ่งส่วนหนึ่งคือการปรับขึ้นดอกเบี้ยอัตราสูง จะส่งผลให้การว่างงานพุ่งสูงขึ้น และกระทบต่อการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ แต่สิ่งนี้จะไม่ทำให้เฟดยุติการใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน ทั้งนี้ มองว่า เฟดอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า 4% เพื่อให้บรรลุผลที่ต้องการ และ อัตราดอกเบี้ยจะทรงตัวในระดับสูงเป็นระยะเวลาหนึ่ง

 

"เรามีภารกิจที่ชัดเจนในการทำให้เงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย โดยเราจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้สูงเพียงพอที่จะแก้ไขภาวะไร้สมดุลด้านปัจจัยพื้นฐานระหว่างอุปสงค์สำหรับสินค้าและความสามารถในทางเศรษฐกิจที่จะผลิตสินค้าดังกล่าว"

บรรยากาศเมืองแจ็กสัน โฮล และนายพาวเวลล์ (ขวา) ที่เดินทางถึงแล้วสำหรับการประชุมประจำปีที่ทั่วโลกต่างจับตามอง

ด้านนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา กล่าวในทิศทางเดียวกันว่า "ในขณะนี้ ผมคงต้องโยนเหรียญหัวก้อยเพื่อตัดสินว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% หรือ 0.75%"

อย่างไรก็ดี นายบอสติกย้ำว่า หากเฟดได้รับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง เฟดก็อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยที่อัตรา 0.75% ในเดือนก.ย.ที่จะถึงนี้ โดยตัวเขาเองมีความมุ่งมั่นที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูง และจะยังไม่ปรับลดลง จนกว่าเงินเฟ้อจะไปสู่เป้าหมายของเฟดที่ 2%

 

นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปี ที่จะเริ่มขึ้นในวันนี้

นักลงทุนทั่วโลกต่างเฝ้าจับตา การประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันนี้ (26 ส.ค.) และจะสิ้นสุดลงในวันที่ 27 ส.ค. โดยคาดว่าเฟดจะ “ส่งสัญญาณ” ที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ ทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งการปรับลดขนาดงบดุล (QT) ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ

เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด

สำหรับ หัวข้อในการประชุมประจำปีนี้คือ "Reassessing Constraints on the Economy and Policy" โดย นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด จะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในวันนี้ (26 ส.ค.) เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับคืนนี้ 21.00 น.ตามเวลาไทย

 

ก่อนหน้านี้ นายพาวเวลล์เคยกล่าวในการแถลงต่อสภาคองเกรสว่า เฟดมีความมุ่งมั่น “อย่างไม่มีเงื่อนไข” ในการรักษาเสถียรภาพของราคา ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดพร้อมรับความเสี่ยงต่างๆที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เลวร้ายจากการที่เงินเฟ้อไม่สามารถควบคุมได้จนอาจจะทำให้เกิดความเสียหายในระยะยาว

ทั้งนี้ มีความกังวลกันว่า การที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะถดถอย ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่าเศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 0.6% ในไตรมาส 2 ของปีนี้ หลังหดตัว 1.6% ในไตรมาส 1 ซึ่งการที่เศรษฐกิจหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน ทำให้สหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้วในทางเทคนิค

 

อย่างไรก็ดี นายพาวเวลล์ยืนยันว่า เขาไม่คิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากหลายภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจยังคงมีความแข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงตลาดแรงงาน

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ทุกสายตาต่างจับจ้องการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในวันนี้ เพราะทั้งผู้ว่าการธนาคารกลาง รัฐมนตรีคลัง นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน จากประเทศต่างๆทั่วโลก จะเดินทางเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ขณะที่ไฮไลท์จะอยู่ที่การกล่าวปาฐกถาของนายพาวเวลล์ ในฐานะประธานเฟด ที่จะแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมทั้งตลาดแรงงาน

 

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐได้เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกซึ่งลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 243,000 รายในสัปดาห์ที่ผ่านมา และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 255,000 ราย

 

อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวอยู่สูงกว่าระดับ 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐ ส่วนจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องนั้น ลดลง 19,000 ราย สู่ระดับ 1.415 ล้านรายทั่วประเทศ

 

ที่ผ่านมา สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐ (NBER) ถือเป็นหน่วยงานที่จะตัดสินเกี่ยวกับการขยายตัวหรือการถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยจะมีการพิจารณาจากหลายปัจจัย ได้แก่ การจ้างงาน การบริโภค การผลิตในภาคอุตสาหกรรม และรายได้ส่วนบุคคล ก่อนที่จะทำการประกาศอย่างเป็นทางการ

 

ไทม์ไลน์การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในปี 2565

ตั้งแต่ต้นปีมา เฟดได้คงหรือขึ้นอัตราดอกเบี้ย ดังนี้ 

วันที่ 25-26 ม.ค.     คงดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25%

วันที่ 15-16 มี.ค.     ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ 0.25-0.50%

วันที่ 3-4 พ.ค.        ขึ้นดอกเบี้ย 0.50% สู่ 0.75-1.00%

วันที่ 14-15 มิ.ย.     ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สู่ 1.50-1.75%

วันที่ 26-27 ก.ค.     ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สู่ 2.25-2.50%

 

ส่วนการประชุม 3 ครั้งที่เหลือของปี 2565 มีกำหนดวันที่ ดังนี้ 

  • 20-21 ก.ย. 
  • 1-2 พ.ย.      
  • 13-14 ธ.ค.