เงินเฟ้อ-ผลพวงสงครามยูเครน ทำคนยากจนทั่วโลกเพิ่มขึ้นอีก 71 ล้านคน

09 ก.ค. 2565 | 18:10 น.

ผลศึกษาของยูเอ็นเผย ภาวะเงินเฟ้อที่เป็นผลพวงของสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ดันตัวเลขคนยากจนทั่วโลกเพิ่มขึ้น 71 ล้านคน การที่รัฐบาลหลายประเทศล้มเหลวในการดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อแก้ปัญหา อาจนำมาซึ่งการจลาจลเช่นกรณีศรีลังกา เพราะความอดทนของผู้คนเริ่มหมดไป

ผลการศึกษาล่าสุดโดย องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ได้รับการเผยแพร่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ชี้ว่า ช่วง 3 เดือนแรกของสงครามในยูเครน คือ ปัจจัยที่ดันต้นทุนพลังงานและอาหารโลกพุ่งขึ้นอย่างมาก จนทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ และส่งผลให้คนจำนวน 71 ล้านคนต้องตกอยู่ในภาวะยากจน

 

นายอาคิม สไตเนอร์ ผู้บริหารสูงสุดของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) กล่าวระหว่างการแถลงข่าวออนไลน์จากนครเจนีวา ว่า ผลการวิเคราะห์สถานการณ์ในประเทศกำลังพัฒนาจำนวน 159 ประเทศ ชี้ให้เห็นว่า การปรับขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลัก ๆ เริ่มมีผลกระทบที่ "ร้ายแรงและฉับพลัน" ต่อครัวเรือนที่มีฐานะยากจนที่สุดในโลกแล้ว

ภาวะเงินเฟ้อที่เป็นผลพวงจากสงครามยูเครนในช่วง 3 เดือนแรก ทำคนยากจนทั่วโลกเพิ่มขึ้นอีก 71 ล้านคน

การศึกษานี้ยังแสดงให้เห็นด้วยว่า แรงสั่นสะเทือนต่อเศรษฐกิจจากการที่รัสเซียส่งกองทัพเข้ารุกรานยูเครนนั้นเกิดขึ้นหลังมีการดำเนินมาตรการล็อกดาวน์เพราะการระบาดใหญ่ของโควิด-19 เป็นเวลา 18 เดือน ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีผลสะสมอย่างช้า ๆ แต่รุนแรงต่อเศรษฐกิจโลก

สไตเนอร์ กล่าวว่า ภาวะระบาดใหญ่ของโควิดนั้นทำให้ผู้คนราว 125 ล้านคนตกอยู่ในภาวะยากจนไปก่อนหน้านี้แล้วด้วย

 

ในงานแถลงข่าวเดียวกันนี้ นายจอร์จ เกรย์ โมลินา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ UNDP เปิดเผยว่า สถานการณ์ทั้งสองนี้ทำให้หลายประเทศต้องเผชิญกับช่วงเวลา 36 เดือนของ “แรงช็อก” ที่เกิดขึ้นติดต่อกันหลายครั้งเหมือนอาฟเตอร์ช็อก และว่า ผลกระทบจากสงครามในยูเครนนั้นเกิดขึ้น “อย่างรวดเร็วรุนแรง” และส่งผลต่ออุปทานพลังงานและอาหารโลก ทั้งยังทำให้อัตราเงินเฟ้อทะยานสูงขึ้น

ภาวะระบาดใหญ่ของโควิดทำให้ผู้คนราว 125 ล้านคนตกอยู่ในภาวะยากจนไปก่อนหน้านี้แล้ว

นายอาคิม สไตเนอร์ กล่าวเสริมว่า การที่รัฐบาลหลายประเทศประสบความล้มเหลวในการดำเนินการอย่างเด็ดขาด นำมาซึ่งความเสี่ยงของการเกิดความไม่สงบไปทั่ว เพราะความอดทนและความสามารถของผู้คนในการรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ เริ่มหมดไป

ผู้บริหารสูงสุดของ UNDP ยังได้ยกตัวอย่างกรณีของศรีลังกา ที่รัฐบาลกำลังเผชิญภาวะยุ่งเหยิงอย่างหนัก และทั้งประเทศกำลังประสบภาวะขาดแคลนพลังงานและอาหาร รวมทั้งการผิดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ด้วย