"Perfect Storm" สะเทือนเศรษฐกิจโลกแค่ไหน

31 พ.ค. 2565 | 00:58 น.

"Perfect Storm" ฟังคำเตือน"มรสุม 3 ลูก "สงครามยูเครน-นโยบายการเงินเฟด และปัญหาในจีน" ส่งแรงสะเทือนเศรษฐกิจโลกแค่ไหน เริ่มให้เห็นจากราคาพลังงานพุ่ง -วิกฤติอาหาร-ตลาดเงิน/ราคาสินทรัพย์แปรปวน และโอกาสสู่เศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก

ทำไมวิกฤติเศรษฐกิจโลกรอบใหม่นี้  นักเศรษฐศาสตร์และองค์กรการเงินชั้นนำระดับโลกจึงห่วงกันว่าจะเป็น "มหาพายุ" หรือ  Perfect Storm  

 

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่และเลขานุการ  ธนาคารกรุงเทพ  กล่าวโดยโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "Kobsak Pootrakool"ว่า มรสุมเศรษฐกิจกำลังก่อตัว  Perfect Storm กำลังมา เรากำลังเข้าสู่ช่วงใหม่ของเศรษฐกิจ ที่ไม่ง่าย  ถือเป็นความท้าทายของเศรษฐกิจหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือในรอบ 80 ปี  

 

โดยสรุปมรสุมทั้ง 3 ลูกที่เริ่มจาก 3 ทวีปนี้  ส่งผลกระทบดังนี้ 

 

1.ทวีปยุโรป สงครามรัสเซีย-ยูเครน นำไปสู่

 

  • วิกฤตการเผชิญหน้าระหว่างมหาอำนาจ (Geopolitical Crisis) ซึ่งปัญหานี้กำลังยกระดับขึ้นเป็นการแบ่งขั้วทางการเมือง ตลอดจนการแยกส่วนของระบบเศรษฐกิจโลก ที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
  • วิกฤตราคาพลังงาน ที่ราคาน้ำมันโลกในปัจจุบันอยู่ที่ 110-120 ดอลลาร์/บาเรล กดดันให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อสูงในประเทศต่างๆ อย่างในไทย เริ่มเห็นราคาน้ำมันที่ 50 บาท/ลิตรแล้ว
  • วิกฤตอาหารโลก ที่กระทบคนนับเป็นร้อยล้านคน และอาจนำไปสู่การประท้วง รวมถึงวิกฤตเชิงสังคมและการเมืองในประเทศต่างๆ 


2.ทวีปอเมริกา จากความผิดพลาดของเฟด ในการประเมินผลกระทบจากโควิดทำให้เฟดมือหนัก ใส่ยากระตุ้นเศรษฐกิจเข้าไปมากกว่าควร ทั้งในเรื่องดอกเบี้ยและในเรื่องสภาพคล่อง ซึ่งเมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว จึงมีปัญหาในการควบคุมเงินเฟ้อ จนต้องมาวิ่งไล่ปัญหาอยู่ในขณะนี้ นำไปสู่

 

  • วิกฤตความผันผวนในตลาดการเงินโลก  และราคาสินทรัพย์ต่างๆพันธบัตร คริปโต ค่าเงิน  ผันผวนแปรปรวน
  • โอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ( Recession ) ในสหรัฐและประเทศต่างๆ  จากผลกระทบการปรับดอกเบี้ยเฟดที่ต้องปรับขึ้นสูงพอที่จะปราบเงินเฟ้อให้อยู่หมัด  และ
  • โอกาสการที่จะเกิด Emerging Market Crisis ในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ โดยจะเริ่มเห็นประเทศเล็กๆ ซึ่งอ่อนแอ เช่น ศรีลังกา ปากีสถาน กำลังเผชิญกับวิกฤติ และปัญหานี้กำลังลุกลามไปประเทศอื่นๆ ทั้งๆ ที่ เฟดเพิ่งจะเริ่มการขึ้นดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้ง และยังไม่ได้ดึงสภาพคล่องกลับ    

 

3.ทวีปเอเชีย จากจีนที่มีปัญหาความเปราะบางจากฟองสบู่ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่สะสมมานานหลายสิบปี และเริ่มประสบปัญหาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เริ่มต้นจาก Evergrande และลุกลามไปบริษัทอื่นๆ ทำให้

 

  • เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงมาก
  • มีโอกาสที่จะลุกลามบานปลาย กลายเป็นวิกฤตเต็มรูปแบบในจีนได้ 
  • การใช้นโยบายการต่อสู้กับโควิดของจีน  Zero-Covid กำลังกระทบต่อการนำเข้า การส่งออก และห่วงโซ่การผลิตของโลกอย่างมีนัยยะสำคัญ

 

สอดรับกับนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่วิเคราะห์ ผ่านบทความ“เฝ้าระวังมหาวิกฤตเศรษฐกิจ” โดยประเมินว่า Perfect Storm คาดจะถล่มเศรษฐกิจทั่วโลกในไตรมาส 4 ปีนี้ เพราะหลายประเทศอาจจะเผชิญปัญหาพร้อมกัน ทั้งในการดำเนินนโยบายของธนาคารสหรัฐสู้กับเงินเฟ้อดูดสภาพคล่องออก บีบเศรษฐกิจลดกำลังซื้อ 

 

"เฟดเริ่มช้าเป็นปี มาจังหวะนี้จึงเจอพายุซ้อน ทั้งจากสงครามยูเครน และจากปัญหาห่วงโซ่อุปทาน  ขณะที่จีน ปัญหา Evergrande และภาคอสังหาริมทรัพย์ยังแก้ไขไม่เสร็จ เจอปัญหาเพิ่มจาก"นโยบายโควิดซีโร่"ทำให้ต้องไล่ปิดเมืองใหญ่ ตัดทอนกำลังซื้อ ส่วนยุโรป กำลังจะชะลอตัว รายได้ธุรกิจจากรัสเซียหายไป ส่วนรัสเซียเศรษฐกิจอันดับ 11 ก็จะกระทบอย่างหนัก"

 

"ไอเอ็มเอฟ" ออกโรงเตือน

 

ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ดร. คริสตินา จีโอจีวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ )  ออกมาเตือนว่า สถานการณ์การเศรษฐกิจโลกในขณะนี้ กำลังเข้าสู่ความยุ่งเหยิงอย่างยิ่ง  อันเป็นผลมาจากทั้งการระบาดของโควิด 19 ความขัดแย้งในยูเครน และตลาดการเงินที่เปราะบางอย่างยิ่ง รวมไปถึงปัญหา “ซัพพลาย เชน” ที่เผชิญขณะนี้ ถือเป็นบททดสอบครั้งใหญ่ของโลกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ทีเดียว

 

ปัจจุบันมี 30 ประเทศทั่วโลกแล้ว ที่ใช้มาตรการจำกัดการส่งออกอาหาร พลังงาน และสินค้าโภคภัณฑ์  นับตั้งแต่เกิดสงครามในยูเครน ทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก

 

ขณะที่ประเทศไทย  ดร.นณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ระบุว่า เห็นด้วยว่ามหาพายุทั้ง 3 ลูก จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจผ่านภาคเศรษฐกิจจริง (real sector)  ไม่ว่าจะเป็นข้าวของแพง ภาคการเงิน เงินจะไหลออกในระยะปานกลาง ขณะที่ภาคส่งออก รายได้ลดลงกว่าที่ควร ส่วนภาคท่องเที่ยวจะฟื้นตัวช้า​

 

"เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวช้าขึ้น โตเป็นบวกแต่ยังคงไม่ฟื้นไปสู่ระดับปี 2562 ความล่าช้าในการฟื้นตัวทำให้ประเทศไทยยังไม่กลับไปสู่ระดับเศรษฐกิจปี 2562 อาจจะต้องรอถึงครึ่งปี 2566  เรียกได้ว่าการฟื้นตัวช้าลงจากพายุทั้ง 3 ลูกราว 2-3  ไตรมาส"

 

ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ปรับเป้าเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ปี 2565 คาดจะเติบโตระดับ 2.5-3.5% (จากเดิมที่ 3.5-4.5%) หลังจากจีดีพี ไตรมาส 1/ 2565 ขยายตัว 2.2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

 

ขณะที่ “ธนาคารโลก” ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ สู่ระดับ 3.2% จากเดิมที่คาดไว้ระดับ 4.1%