นักวิเคราะห์จากหลายสำนักต่างคาดการณ์โดยให้น้ำหนักมากขึ้นว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ใน การประชุมนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 14-15 มิ.ย. นี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2537 เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของ เงินเฟ้อ
นักเศรษฐศาสตร์ของเจพีมอร์แกน และโกลด์แมน แซคส์ ต่างก็คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุม FOMC ครั้งล่าสุด หลังจากผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่า ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อของชาวอเมริกันปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ เฟดสาขานิวยอร์กเปิดเผยผลสำรวจคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคสหรัฐประจำเดือนพ.ค.พบว่า ภาคครัวเรือนสหรัฐคาดว่า เงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นในช่วง 12 เดือนข้างหน้า
ผลสำรวจกลุ่มตัวอย่างจาก 1,300 ครัวเรือนพบว่า ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะสั้นสำหรับช่วง 12 เดือนข้างหน้าปรับตัวขึ้น 0.3% สู่ระดับ 6.6% ส่วนตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะกลางสำหรับช่วง 3 ปีข้างหน้าทรงตัวที่ระดับ 3.9%
หลังจากมีการเปิดเผยผลสำรวจดังกล่าว นายมิเชล เฟโรลี นักเศรษฐศาสตร์ของเจพีมอร์แกน รวมทั้งนักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมนแซคส์ ต่างก็คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันสุดท้าย ซึ่งตรงกับวันพุธนี้ (15 มิ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ แม้ว่าก่อนหน้านี้เฟดได้ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมเดือนนี้ก็ตาม
ด้านรายงานของนักวิเคราะห์จากแคปิตอล อิโคโนมิกส์ ระบุว่า "การพุ่งขึ้นของดัชนี CPI พื้นฐานจะทำให้เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในสัปดาห์นี้ และยืดเวลาของการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ยาวถึงฤดูใบไม้ร่วง"
ขณะที่นักวิเคราะห์จากบาร์เคลยส์และเจฟเฟอรีส์คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมสัปดาห์นี้เช่นกัน
"เราคิดว่าเฟดจะสร้างความประหลาดใจต่อตลาดเพื่อเรียกความเชื่อมั่นในการจัดการกับเงินเฟ้อ" รายงานจากบาร์เคลยส์ระบุ
ส่วนนักวิเคราะห์จากบีเอ็นวาย เมลลอนคาดว่า เฟดจะจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมสัปดาห์นี้ จากเดิมที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเพียง 0.50%
"ตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนพ.ค.ได้สร้างความกังวลอย่างมากจนทำให้เฟดจะต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย" รายงานจากบีเอ็นวาย เมลลอนระบุ
ด้านนักวิเคราะห์จาก Swissquote Bank ระบุว่า "ขณะนี้เฟดมีโอกาสมากกว่า 50% ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนก.ค. และมีโอกาส 14% ที่จะปรับขึ้นถึง 1.00% นี่เป็นสิ่งที่เฟดจะดำเนินการหลังการประกาศตัวเลข CPI เมื่อวันศุกร์"
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 50% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 14-15 มิ.ย. เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 5% ก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็น มาตรวัดเงินเฟ้อ จากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 8.6% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี และเป็นระดับสูงสุดครั้งใหม่ในรอบกว่า 40 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2524 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.3%
ดัชนี CPI เดือนพ.ค.ของสหรัฐสูงกว่าระดับ 8.3% ในเดือนเม.ย. และยังสูงกว่าระดับ 8.5% ที่เคยทำไว้ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2524 เป็นต้นมา
ข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราสูงกว่าที่เคยคาดการณ์กันไว้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น สิ่งที่น่ากังวลตามมาก็คือ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างมากเช่นนี้จะทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยในที่สุด