svasdssvasds
logo-pwa

เพิ่ม thansettakij

ลงในหน้าจอหลักของคุณ

ติดตั้ง
ปิด
thansettakij

การแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงขณะนี้ นับเป็นครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

05 มิถุนายน 2565

แพทย์สหรัฐระบุ การแพร่ระบาดทั่วโลกของโรคฝีดาษลิงในครั้งนี้ ถือเป็นการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ชี้พบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงยืนยันแล้ว 780 ราย จาก 27 ประเทศ

องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยวานนี้ (5 มิ.ย.) ระบุ พบ ผู้ติดเชื้อฝีดาษลิง ที่ได้รับการยืนยันจากห้องแล็บแล้วจำนวน 780 ราย จาก 27 ประเทศทั่วโลก อย่างไรก็ตามยังคงยืนยันว่าระดับความเสี่ยงการแพร่ระบาดในระดับโลกนั้นยังคงอยู่ในระดับ “ปานกลาง”

 

ในส่วนของรายละเอียดนั้น WHO เปิดเผยว่า พบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิง 780 รายนับตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค.จนถึงวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา และว่าอาจจะเป็นการประเมินตัวเลขที่ “ต่ำเกินไป” เนื่องจากการยืนยันทางระบาดวิทยาและการยืนยันผ่านห้องแล็บนั้นยังคงมีอยู่อย่างจำกัด นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมอีกและจะมีการแพร่ระบาดมากขึ้น

 

ประเทศที่พบการแพร่ระบาดมากที่สุด คือ อังกฤษ 207 ราย สเปน 156 ราย โปรตุเกส 138 ราย แคนาดา 58 ราย และเยอรมนี 57 ราย โดยนอกจากทวีปยุโรป และอเมริกาเหนือแล้ว ยังมีการพบผู้ติดเชื้อแต่ยังคงเป็นเลขหลักเดียวเช่น อาร์เจนตินา, ออสเตรเลีย, โมร็อกโก และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)

ไวรัสฝีดาษลิง

“ความเสี่ยงต่อสุขภาพของมนุษย์และความเสี่ยงต่อสาธารณะนั้นยังคงอยู่ในระดับต่ำ แต่ความเสี่ยงจะสูงขึ้นหากไวรัสใช้โอกาสนี้ปรับตัวในประเทศที่ไม่ใช่พื้นที่ระบาดและกลายเป็นโรคที่ระบาดระหว่างคนสู่คนเป็นวงกว้าง ขณะที่ความเสี่ยงในระดับโลกนั้นยังคงอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น” รายงานของ WHO ระบุ

 

ทางด้าน ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ CDC เปิดเผยว่า ในสหรัฐมีการตรวจพบผู้ป่วยหรือผู้ต้องสงสัยติดเชื้อฝีดาษลิงแล้วอย่างน้อย 20 รายใน 11 รัฐ ซึ่งรวมถึงรัฐแคลิฟอร์เนีย โคโลราโด ฟลอริดา จอร์เจีย อิลลินอยส์ แมสซาชูเซตต์ นิวยอร์ก เพนซิลเวเนีย เวอร์จิเนีย ยูทาห์ และวอชิงตัน

 

เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของสหรัฐกล่าวว่า การแพร่ระบาดไปทั่วโลกของโรคฝีดาษลิงครั้งนี้ถือเป็นการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยพวกเขาวิตกกังวลว่า ไวรัสชนิดนี้จะแพร่ระบาดเร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ CDC พยายามคลายความกังวลใจให้กับสาธารณชนโดยระบุว่า การแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงในสหรัฐขณะนี้ มีความแตกต่างจากโรคโควิด-19 อย่างชัดเจน เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์แทบไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ในช่วงแรกที่เกิดการแพร่ระบาดและในขณะนั้นสหรัฐก็ยังไม่มีวัคซีนหรือยารักษาโรคเพื่อต่อสู้กับไวรัสโควิด แต่สำหรับฝีดาษลิงนั้น เป็นโรคที่รู้จักกันมาเนิ่นนานแล้ว อีกทั้งยังมีวัคซีนและยาพร้อมอยู่แล้ว  

 

ในขณะนี้ คณะบริหารภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ทำการจัดส่งวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษลิงจำนวน 1,200 โดสให้กับประชาชนที่มีความเสี่ยงสูงต่อไวรัสชนิดดังกล่าวแล้ว เพื่อป้องกันและชะลอการแพร่ระบาดครั้งใหญ่

 

ด้าน ดร.เจนนิเฟอร์ แมกควิสตัน รองผู้อำนวยการแผนกโรคและพยาธิวิทยา ของ CDC ระบุถึง ผลการวิเคราะห์เชื้อไวรัสฝีดาษลิงในสหรัฐอเมริกาพบว่ามี 2 สายพันธุ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นการสนับสนุนข้อสันนิษฐานที่ว่า มีการแพร่ระบาดในสหรัฐมาได้ระยะหนึ่งแล้วโดยที่ไม่มีการตรวจพบ และจะต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ของโรคระบาดดังกล่าวภายในประเทศ และอาจพบการแพร่ระบาดในระดับชุมชนในขณะนี้

 

ขณะที่ดร.แองเจลา ราสมุสเซน นักไวรัสวิทยาจากมหาวิทยาลัยซัสแคตเชวัน ในแคนาดา เปิดเผยว่า ผลการวิจัยชี้ว่า การควบคุมเชื้อไวรัสทำได้ยากขึ้น เนื่องจากไม่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อที่แน่ชัด และแม้ว่าขณะนี้จะยังไม่พบผู้เสียชีวิตจากโรคนี้นอกเขตทวีปแอฟริกา แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่ผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงจะเสียชีวิตหากเป็นผู้ที่มีสุขภาพอ่อนแออยู่ก่อนแล้ว