5 เรื่องน่ารู้ก่อนเริ่ม "เวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม" 22 พ.ค.นี้
เวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) ปีนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-26 พ.ค. ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นการจัดประชุมแบบ "พบหน้ากัน" เป็นครั้งแรกในรอบสองปีที่คาดว่าจะมีผู้นำทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และประชาสังคม เข้าร่วมถกประเด็นร้อนที่เป็นวาระระดับโลกกว่า 2,000 คน
การประชุม เวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) ที่ เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ฝ่าอุปสรรคโควิด-19 มาจัดแบบ “พบหน้ากัน” จริง ๆ ได้เป็นครั้งแรกในปีนี้ หลังจากที่ต้องจัดงานผ่านระบบออนไลน์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ก่อนเปิดเวทีในวันอาทิตย์นี้ (22 พ.ค.) เรามาอุ่นเครื่องกันด้วย 5 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับงาน WEF 2022
1."เวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม"ที่ไม่มีหิมะ
โดยปกติ การประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) ที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ จะมีขึ้นในเดือนมกราคม แต่ในปีนี้ เนื่องจากมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน การจัดประชุมจึงถูกเลื่อนจากเดิมกำหนดไว้วันที่ 17-21 ม.ค. เป็นวันที่ 22-26 พ.ค.
การจัดประชุม WEF ในเดือนพ.ค. ได้สร้างความแตกต่างไปจากที่มักจะได้พบเห็นกัน เพราะเมืองดาวอสที่เป็นสถานที่จัดประชุม เป็นเมืองที่อยู่สูงที่สุดในยุโรป และเป็นแหล่งรีสอร์ทสำหรับนักเล่นสกีที่ได้รับความนิยมสูงสุดในสวิตเซอร์แลนด์ จึงมักปกคลุมไปด้วยหิมะในช่วงต้นปี แต่การจัดการประชุม WEF ในเดือนพ.ค. เป็นช่วงเวลาที่เมืองดาวอสไร้ซึ่งหิมะ ปีนี้เราจึงไม่ได้เห็นงาน WEF ท่ามกลางหิมะขาวโพลนอย่างที่คุ้นตา
2.งบด้านการรักษาความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น
เป็นธรรมเนียมอีกเช่นกันที่มักจะมีการชุมนุมประท้วงในประเด็นต่าง ๆ เกิดขึ้นในระหว่างที่มีการจัดประชุม WEF เนื่องจากเป็นงานระดับโลกที่มีผู้นำทั้งภาคการเมือง เศรษฐกิจและสังคม มาร่วมนำเสนอทรรศนะและแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้-ประสบการณ์ ผู้ประท้วงรู้ดีว่าการปรากฏตัวในงาน WEF จะได้รับความสนใจในระดับโลก เสียงของพวกเขาที่ป่าวร้องจะได้รับการรับฟัง
ทุก ๆปี ผู้จัดประชุม WEF จะมี “หิมะ” เป็น "แนวป้องกันทางธรรมชาติ" ช่วยปิดกั้นเส้นทางของผู้ที่ต้องการเข้ามาประท้วงและสร้างความวุ่นวายในการประชุม แต่ปีนี้ งานจัดขึ้นในเดือนพ.ค.ซึ่งเป็นช่วงที่เมืองดาวอสไม่มีหิมะแล้ว ดังนั้น ทางการสวิตเซอร์แลนด์จึงต้องระดมกำลังทหารและตำรวจมากถึง 5,000 นายเพื่อรักษาความปลอดภัยในการประชุม โดยจะมีการตั้งด่านสกัดในบริเวณที่ไม่เคยตั้งมาก่อน นอกจากนี้ ยังมีการส่งโดรนสำรวจในพื้นที่บริเวณหุบเขา เนื่องจากไม่มีหิมะขวางกั้นเหมือนในช่วงที่ผ่านมา
การเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยดังกล่าวทำให้ทางการสวิตเซอร์แลนด์ต้องใช้งบสูงถึง 32 ล้านฟรังก์สวิส
3. พบหน้ากันครั้งแรกในรอบ 2 ปี
การจัดประชุม WEF ในปีนี้ เป็นการประชุมแบบพบหน้ากันเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี หลังจากที่ต้องจัดการประชุมผ่านระบบออนไลน์ในช่วงที่ผ่านมาเพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั่นเอง
หัวข้อในการประชุมประจำปีนี้คือ "History at a Turning Point: Government Policies and Business Strategies" (จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์: นโยบายภาครัฐและกลยุทธ์ทางธุรกิจ)โดยวาระในการประชุมจะรวมถึงการฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 การแก้ไขปัญหาโลกร้อน วิกฤตการณ์ในยูเครน รวมทั้งการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคที่ 4
4. คาดผู้เข้าร่วมงานเฉียด 2,500 คน
จากสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลาย ปีนี้คาดว่าจะมีผู้นำทางการเมือง ภาคอุตสาหกรรม และประชาสังคมจากทั่วโลกเกือบ 2,500 คนเข้าร่วมการประชุม WEF โดยจะเป็นประมุขของรัฐ และหัวหน้ารัฐบาลมากกว่า 50 ประเทศ รวมทั้งผู้นำของภาคธุรกิจกว่า 1,250 คนที่ติดทำเนียบผู้นำด้านนวัตกรรมระดับโลก "Global Innovators" และผู้บุกเบิกทางด้านเทคโนโลยี "Technology Pioneers" เพื่อมารับฟังและแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
5. ผู้นำกัมพูชาเข้าร่วมปาฐกถาในฐานะ “ประธานอาเซียน”
กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาแถลงว่า สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เตรียมเดินทางเข้าร่วมการประชุม WEF ประจำปีนี้ ในฐานะประธานสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ตามคำเชิญของนายเคลาส์ ชวับ ซึ่งเป็นประธานและผู้ก่อตั้ง WEF
ทั้งนี้ สมเด็จฮุนเซนมีกำหนดกล่าวปาฐกถาในหัวข้อ "Strategic Outlook on ASEAN" ในพิธีปิดการประชุม รวมทั้งกล่าวสุนทรพจน์หัวข้อ "Restoring Peace and Order" ในการประชุมอย่างไม่เป็นทางการในงานเลี้ยงอาหารเที่ยง นอกจากนี้ สมเด็จฮุนเซนมีกำหนดหารือกับผู้นำทางการเมืองและภาคธุรกิจจากหลายประเทศนอกรอบการประชุม WEF รวมทั้งการพบปะกับชาวกัมพูชาที่เมืองซูริคในวันที่ 21 พ.ค.
สำหรับประเทศไทย ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเป็นตัวแทนจากประเทศไทยเข้าร่วมการประชุม WEF ในปีนี้