เน็ตฟลิกซ์แก้เกมหลังกำไรหด จ่อเก็บเงินผู้ใช้ที่แชร์บัญชีกับเพื่อน+โฆษณา

บริษัท เน็ตฟลิกซ์ ผู้ให้บริการสตรีมมิ่ง รายใหญ่ของ สหรัฐอเมริกา ระบุเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (20 เม.ย.) ว่า จำนวนสมาชิก ได้ลดลงถึง 200,000 คนในไตรมาสแรกของปีและคาดการณ์ว่าผู้ใช้บริการอาจจะหายไปเพิ่มอีก 2 ล้านคนภายสิ้นเดือนมิถุนายนนี้

เน็ตฟลิกซ์จึงเตรียมหาช่องทางเพิ่มรายได้โดยการเรียกเก็บเงินเพิ่มจากกลุ่มผู้ใช้บริการที่ให้เพื่อนยืมบัญชีใช้ และการฉายโฆษณาระหว่างรับชมสตรีมมิ่ง

การแถลงผลประกอบการส่งผลให้ราคาหุ้นเน็ตฟลิกซ์ดิ่งลง 35% เมื่อวันพุธ (20 เม.ย.) ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี นอกจากนี้ ตั้งแต่ปลายปี 2564 เป็นต้นมา หุ้นของเน็ตฟลิกซ์ได้สูญเสียมูลค่าทางตลาดถึง 62% และลดความร่ำรวยของผู้ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวลงถึง 167,000 ล้านดอลลาร์

เน็ตฟลิกซ์ประเมินว่ามีลูกค้า 100 ล้านหลังคาเรือนทั่วโลกกำลังใช้บริการเน็ตฟลิกซ์โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ นายรีด เฮสติงส์ ซีอีโอร่วมของเน็ตฟลิกซ์ กล่าวกับผู้ถือหุ้นเมื่อต้นสัปดาห์ว่า บริษัทกำลังมองหาช่องทางที่จะได้รับค่าตอบแทนในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งจากผู้ใช้ที่ไม่ยอมเสียค่าบริการเหล่านี้

ทั้งนี้ สำนักข่าวเอพีรายงานว่า การเรียกเก็บค่าบริการเพิ่มจากกลุ่มผู้ใช้เน็ตฟลิกซ์ประเภทดังกล่าวได้เริ่มขึ้นแล้วในประเทศแถบละตินอเมริกา เช่นในคอสตาริก้า ค่าบริการนั้นเริ่มตั้งแต่ 9 ถึง 15 ดอลลาร์ต่อเดือน และสมาชิกปัจจุบันสามารถสร้างบัญชีย่อยให้แก่เพื่อนที่ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันและต้องการร่วมใช้บริการด้วยได้อีก 2 คนผ่านการเพิ่มเงิน 3 ดอลลาร์ต่อเดือน เน็ตฟลิกซ์เปิดเผยว่า วิธีดังกล่าวนี้ อาจถูกนำมาใช้ในประเทศอื่นๆได้ในอนาคต

นอกจากนี้ อีกช่องทางที่เน็ตฟลิกซ์พิจารณานำมาใช้เพื่อสร้างรายได้เพิ่ม ก็คือการฉายโฆษณา

นายคริสโตเฟอร์ ฮามิลตัน อาจารย์ผู้ศึกษาบริการสตรีมมิ่งแห่ง Syracuse University ให้ความเห็นว่า เน็ตฟลิกซ์จำเป็นต้องใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้กำไรเติบโตตามเป้าหมายของผู้ถือหุ้น เขาเชื่อว่า การฉายโฆษณาสำหรับกลุ่มผู้ใช้เน็ตฟลิกซ์ในแพ็กเกจแบบประหยัด อาจเป็นทางออกที่ดีในกลุ่มลูกค้าที่ต้องการลดค่าใช้จ่าย ตราบใดที่ลูกค้าอีกกลุ่มที่ไม่ต้องการรับชมโฆษณา ก็พร้อมที่จะควักกระเป๋าเพิ่มเพี่อใช้บริการต่อ

บริษัทที่ปรึกษา Accenture ประเมินว่า รายได้ของธุรกิจสตรีมมิ่งจากการฉายโฆษณาในอีก 5 ปีข้างหน้าจะพุ่งสูงกว่ารายได้ที่มาจากการเรียกเก็บค่าบริการของสมาชิก โดยในปี 2570 เม็ดเงินที่ได้จากโฆษณาของธุรกิจบนวิดีโอสตรีมมิ่งต่างๆทั้งหมดน่าจะมีมูลค่ามากถึง 21,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่างจาก 10 ปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 1,000 ล้านดอลลาร์เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม นายเฮสติงส์ ซีอีโอร่วมของเน็ตฟลิกซ์ เคยกล่าวมาแล้วหลายครั้งว่า เขาไม่อยากให้เน็ตฟลิกซ์มีโฆษณาเพราะขัดต่ออรรถรสในการรับชม ทั้งนี้ ผู้บริหารผู้นี้อาจไม่มีทางเลือกมากนักในช่วงเวลานี้ เนื่องจากสภาพตลาดของธุรกิจสตรีมมิ่งได้เปลี่ยนไปมาก

สำนักข่าวเอพียังระบุด้วยว่า ปัจจุบัน เน็ตฟลิกซ์มีคู่แข่งกระเป๋าหนักอย่าง Apple, Walt Disney และ HBO ที่มาแย่งฐานลูกค้าไป บวกกับสถานการณ์การระบาดของโควิดที่คลี่คลายลงยังทำให้ผู้คนมีตัวเลือกมากขึ้นในการใช้เวลาว่าง และอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นยังทำให้ผู้ใช้บริการบางส่วนลดค่าจ่ายของตนเอง ด้วยการตัดการดูสตรีมมิ่งออกไป

ผู้ใช้บริการเน็ตฟลิกซ์ผู้หนึ่งให้ความเห็นกับสำนักข่าวเอพีว่า เขาพร้อมที่จะยกเลิกบริการหากเน็ตฟลิกซ์ขึ้นราคาเพราะเขาไม่รู้สึกคุ้มค่ากับการจ่ายเงิน 15 ดอลลาร์ต่อเดือนเพื่อให้คนๆเดียวสามารถดูสตรีมมิ่งได้ตลอดเวลา ขณะที่ผู้ใช้บริการอีกคนยืนกรานว่า เขาไม่ต้องการดูโฆษณาใดๆทั้งสิ้น แต่บางคนที่เป็นแฟนคลับของเน็ตฟลิกซ์มานานกลับกล่าวว่า พวกเขาพร้อมที่จะจ่ายค่าบริการเพิ่มเพราะเขาและครอบครัวชื่นชอบเนื้อหาของเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งเป็นสตรีมมิ่งยอดนิยม

ทั้งนี้ นายรีด เฮสติงส์ ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า มาตรการใดที่กล่าวมาข้างต้น จะถูกนำมาใช้เพื่อการเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท เขาพูดเพียงว่าจะมีการทดลองใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อดูความเหมาะสม โดยเมื่อปีที่ผ่านมา(2564) เน็ตฟลิกซ์เคยบังคับให้ผู้ใช้บริการยืนยันการใช้บัญชีผ่านอีเมล์หรือข้อความ ร่วมกับการเพิ่มบริการเล่นวิดีโอเกมส์ฟรีเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่