ยูเครนประกาศเคอร์ฟิวในเมืองหลวง-แปลงสถานีรถไฟใต้ดินเป็นหลุมหลบภัย

24 ก.พ. 2565 | 20:03 น.

นายวิตาลี คลิตสโก นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน ประกาศภาวะเคอร์ฟิวในเขตเมืองหลวงเมื่อวานนี้ (24 ก.พ.) ห้ามประชาชนออกนอกเคหะสถานยามวิกาลตั้งแต่เวลา 22.00 น. ไปจนกระทั่งถึงเวลา 07.00 น. ของวันรุ่งขึ้น

ประกาศเคอร์ฟิว ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ ยูเครน ถูกโจมตีอย่างเต็มรูปแบบโดย รัสเซีย (24 ก.พ.) ทั้งนี้ การขนส่งสาธารณะก็จะหยุดให้บริการในช่วงเวลาเคอร์ฟิวด้วย เว้นแต่ สถานีรถไฟใต้ดิน ที่จะยังคงเปิดตลอดทั้งวันทั้งคืน เพื่อใช้เป็น หลุมหลบภัย หรือสถานที่หลบระเบิดสำหรับประชาชนนั่นเอง

 

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า สถานีรถไฟใต้ดิน ใน กรุงเคียฟ เวลานี้ คลาคล่ำไปด้วยฝูงชนที่มากันเป็นกลุ่มและหอบหิ้วสเบียงกรังของใช้จำเป็นมาด้วย นอกจากนี้ ยังปรากฏภาพข่าวเผยแพร่ทางสื่อต่าง ๆ แสดงให้เห็นถึงการเดินทางอพยพของประชาชนออกจากเมืองเคียฟ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของยูเครน โดยบนถนนเส้นทางออกนอกเมืองจะเห็นรถยนต์ติดขัดแออัดเป็นแถวยาว

สถานีรถไฟใต้ดินในกรุงเคียฟถูกแปรสภาพกลายเป็นหลุมหลบภัยในเวลานี้

ประชาชนคนหนึ่งในกรุงเคียฟที่ไม่ประสงค์เอ่ยนาม กล่าวกับซีเอ็นเอ็นว่า เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณไซเรนเตือนภัยการโจมตีทางอากาศ รวมทั้งเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นรอบ ๆ ตัว ก็ไม่แปลกใจเลยที่จะได้เห็นผู้คนพากันเดินทางหนีออกจากเมืองหลวงของยูเครนอย่างตื่นตระหนก “การจราจรนั้นมุ่งไปในทิศทางเดียวกันอย่างเร่งรีบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นั่นคือมุ่งหน้าสู่สถานที่ปลอดภัยในฝั่งตะวันตกของประเทศ บ้างก็มุ่งหน้าข้ามพรมแดนไปยังโปแลนด์ ซึ่งหากขับรถไปจากกรุงเคียฟก็จะใช้เวลาเพียงราว ๆ 3-6 ชั่วโมง”  

 

นายซบิกนิว ราอู รัฐมนตรีต่างประเทศโปแลนด์ ในฐานะรักษาการประธานองค์การเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป หรือ โอเอสซีอี ซึ่งมีสมาชิก 57 ประเทศ รวมทั้งรัสเซีย ยูเครน และสหรัฐอเมริกา กล่าวโจมตีการที่รัสเซียบุกยูเครนเมื่อวันพฤหัสฯ (24 ก.พ.) ว่า เป็นการก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ และขอประณามอย่างรุนแรงต่อปฏิบัติการที่ก้าวร้าวของรัสเซีย

ขณะที่นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียแถลงวันเดียวกันว่า รัสเซียจะใช้มาตรการตอบโต้อย่างแข็งกร้าวต่อมาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรป หรือ อียู ที่รัสเซียมองว่า “ไม่เป็นมิตร”

 

ด้านนางคริสตาลินา จอร์เจียวา กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ออกโรงเตือนว่า ความขัดแย้งในยูเครนจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก พร้อมกล่าวแสดงความกังวลว่า การสู้รบในยูเครนจะเพิ่มความเสี่ยงทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญต่อภูมิภาคและต่อโลก

 

การเปิดฉากโจมตียูเครนโดยกองทัพรัสเซียเมื่อวานนี้ (24 ก.พ.) รัสเซียได้บุกโจมตียูเครนทั้งทางบก ทะเล และอากาศ ซึ่งถือเป็นการรุกรานประเทศครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 นายโอเลกซี อาเรสโตวิช ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน เปิดเผยว่า ในการสู้รบกับกองกำลังรัสเซียวานนี้ มีทหารยูเครนเสียชีวิตมากกว่า 40 นาย และบาดเจ็บอีกหลายสิบนาย

 

“ยูเครนได้เผชิญกับทหารรัสเซียที่ทำการโจมตีเต็มรูปแบบและเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง แต่เราก็ยังสามารถต้านทานการรุกคืบของทหารรัสเซียไว้ได้” นายดมิโทร คูเลบา รมว.ต่างประเทศยูเครน กล่าว

 

นอกจากนี้ สื่อยูเครนยังรายงานว่า กองทัพยูเครนสามารถยิงเครื่องบินรบรัสเซียตก 5 ลำ และเฮลิคอปเตอร์ 1 ลำ แต่กระทรวงกลาโหมรัสเซียได้ออกมาปฏิเสธแล้วว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง