เนื่องในวัน ครบรอบ 1 ปีการรัฐประหารในเมียนมา องค์กรช่วยเหลือนักโทษการเมือง (AAPP) ซึ่งเป็นองค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชนที่ไม่แสวงผลกำไร เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เหตุ รัฐประหาร เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ปีที่ผ่านมา (2564) กองทัพเมียนมา ได้สังหารประชาชนไปกว่า 1,500 คน และมีประชาชนถูกจับกุมไปเกือบ 12,000 คน ขณะที่ สหรัฐอเมริกา ได้ออกมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่กับบุคคลชาวเมียนมา 7 ราย และองค์กรอีก 2 แห่งที่มีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลทหารเมียนมา
ในวันเดียวกันนี้ (1 ก.พ.) กลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในเมียนมาได้เดินหน้าทำกิจกรรม "ประท้วงเงียบ" (Silent Protest) เพื่อแสดงพลังต่อต้านการทำรัฐประหาร บรรยากาศในเมืองใหญ่หลายแห่ง อาทิ นครย่างกุ้ง เป็นไปด้วยความเงียบเหงา ถนนปราศจากผู้คน สภาพไม่ต่างจากเมืองที่ถูกทิ้งร้าง หลังกลุ่มนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยเดินหน้าทำกิจกรรม "ประท้วงเงียบ" ด้วยการหยุดอยู่กับบ้าน ปิดธุรกิจร้านค้า และหยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เพื่อแสดง “อารยะขัดขืน” ต่อต้านการทำรัฐประหาร แม้ว่าฝั่งรัฐบาลทหารจะออกมาขู่จำคุกผู้ที่เข้าร่วมการเคลื่อนไหวในวันนี้ก็ตาม
ขณะที่เมื่อวานนี้ (31 ม.ค.) สภาความมั่นคงและป้องกันตนเองของเมียนมาออกแถลงการณ์ระบุว่า รัฐบาลทหารเมียนมาได้ประกาศขยายภาวะฉุกเฉินออกไปอย่างเป็นทางการจนถึงวันที่ 31 ก.ค.
ทั้งนี้ นายมินต์ ส่วย รักษาการประธานาธิบดีเมียนมา ได้อนุมัติการขยายเวลาดังกล่าวตามคำขอของพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา โดยให้เหตุผลว่าเพื่อรักษาเสถียรภาพของประเทศ ความปลอดภัยของประชาชน และสร้างสันติภาพซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญ
สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติเมียนมา (MRTV) รายงานโดยอ้างคำพูดของผู้นำกองทัพเมียนมาว่า "ความรุนแรงยังคงมีอยู่ในบางพื้นที่ เช่น รัฐกะยา รัฐชิน และเขตภูมิภาคสะกาย เรากำลังพยายามเต็มที่เพื่อแก้ไขปัญหา"
ตามรัฐธรรมนูญปี 2551 กำหนดให้ผู้นำกองทัพต้องขอความเห็นชอบจากประธานาธิบดีในที่ประชุมสภาก่อนที่จะขยายเวลาประกาศภาวะฉุกเฉิน โดยก่อนหน้านี้ ผู้นำกองทัพของเมียนมาได้ให้คำมั่นว่า จะจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนส.ค. ปีหน้า (2566)
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำสูงสุดของเมียนมาได้กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในโอกาสครบรอบหนึ่งปีที่ก้าวขึ้นมาปกครองประเทศ ขณะเดียวกัน มีการคาดการณ์ว่า ผู้นำทหารเมียนมาจะยังคงเผชิญปัญหาเศรษฐกิจที่ผันผวนในปีที่สองจากแรงกดดันของนานาชาติ โดยล่าสุดสหรัฐอเมริกาได้ออกมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่กับบุคคลชาวเมียนมา 7 ราย และองค์กรอีก 2 แห่งที่มีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลทหาร