นอร์เวย์-เดนมาร์ก กังขาประสิทธิภาพยาโมลนูพิราเวียร์ เรียกร้องระงับการใช้

27 ธ.ค. 2564 | 17:47 น.

นอร์เวย์-เดนมาร์ก เป็น 2 ประเทศยุโรป ที่มีกระแสคัดค้านการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ ของบริษัทเมอร์คฯ ในการรักษาผู้ป่วยโควิด  เหตุบริษัทผู้ผลิตยังให้ข้อมูลไม่มากพอ และประสิทธิภาพในการป้องกันการป่วยหนักหรือเสียชีวิต ก็มีเพียง 30% ลดลงจากที่เคยอ้างว่ามีประสิทธิภาพถึง 50%

นายบียอห์น กัลด์โวก รัฐมนตรีสาธารณสุขนอร์เวย์ เปิดเผยวานนี้ (27 ธ.ค.) ว่า ถึงแม้กระทรวงสาธารณสุขของนอร์เวย์ได้สั่งซื้อ ยาโมลนูพิราเวียร์ (molnupiravir) แล้วจำนวน 8,640 คอร์สจาก บริษัทเมอร์ค แอนด์ โค สำหรับการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 แต่ นอร์เวย์ ก็คงจะไม่มีการใช้ยาดังกล่าว

 

"เราไม่คิดว่ายาโมลนูพิราเวียร์จะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลที่จะใช้ยาดังกล่าว โดยเมอร์คได้รายงานผลการทดลองที่ให้ประสิทธิภาพสูงในช่วงแรก แต่ในการทดลองช่วงที่ 2 กลับพบว่ามีประสิทธิภาพลดลง" นายกัลด์โวกกล่าว พร้อมกันนี้ยังระบุว่า

นอร์เวย์-เดนมาร์ก กังขาประสิทธิภาพยาโมลนูพิราเวียร์ เรียกร้องระงับการใช้

นอร์เวย์มีการให้บริการสาธารณสุขเฉพาะทางอย่างมีประสิทธิภาพ การที่ผู้ป่วยโควิด-19 เลือกที่จะกินยาโมลนูพิราเวียร์จะทำให้ขาดโอกาสในการได้รับการวินิจฉัยโรคที่ดีกว่า เมื่อเทียบกับการเข้ารับบริการจากระบบสาธารณสุข

ในขณะเดียวกันที่ ประเทศเดนมาร์ก สมาคมแพทย์สามัญแห่งเดนมาร์ก (DSAM) ได้ออกแถลงการณ์วิพากษ์วิจารณ์คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเดนมาร์ก (NBH) ที่อนุมัติการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ของบริษัทเมอร์คฯ ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 โดยเดนมาร์กนั้น ถือเป็นประเทศแรกในสหภาพยุโรป (EU) ที่รัฐบาลได้อนุมัติการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 และมีการสั่งซื้อยาดังกล่าวแล้วจำนวน 50,000 คอร์ส

 

DSAM ให้เหตุผลว่า บริษัทเมอร์คยังไม่ได้ให้เอกสารที่เพียงพอเกี่ยวกับผลการทดลองและประสิทธิภาพของยาโมลนูพิราเวียร์ ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็จะทำให้ผู้ป่วยประสบความล่าช้าในการได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง และมีความเสี่ยงที่อาการของโรคจะรุนแรงขึ้น

 

ทางด้านแพทยสมาคมเดนมาร์ก (DMA) ก็ได้แสดงความกังวลต่อการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ด้วยเช่นกัน โดยศาสตราจารย์ยาน เกอร์สตอฟท์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อ กล่าวว่า การใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ดูเหมือนมีประสิทธิภาพสูงในการทดลองเบื้องต้น แต่ในการทดลองระยะต่อไปพบว่ามีประสิทธิภาพลดลง

นอกจากนี้ ผลการทดลองยังชี้ว่า ยาโมลนูพิราเวียร์ให้ประสิทธิภาพสูงในอเมริกาใต้ แต่แทบไม่มีประสิทธิภาพเมื่อทดลองกับอาสาสมัครในยุโรปและสหรัฐอเมริกา

 

ด้วยเหตุนี้ DMA จึงได้เรียกร้องให้รัฐบาลเดนมาร์กพิจารณาทบทวนการตัดสินใจสั่งซื้อและอนุมัติการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์อีกครั้ง

 

ก่อนหน้านี้ บริษัท เมอร์คฯ ได้เปิดเผยผลการทดลองว่า ยาโมลนูพิราเวียร์สามารถลดความเสี่ยงของผู้ป่วยโควิด-19 ในการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตได้เพียง 30% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลงจากที่เคยมีการเปิดเผยในช่วงแรก ๆ ว่ายาดังกล่าวมีประสิทธิภาพถึง 50%

 

อย่างไรก็ตาม ยาโมลนูพิราเวียร์เพิ่งได้รับการอนุมัติจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) ให้ใช้เป็นยารักษาผู้ป่วยโควิด-19 แล้วเป็นกรณีฉุกเฉินเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา นับเป็นยาเม็ดตัวที่สองที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้รักษาผู้ป่วยโควิดในสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ FDA เพิ่งอนุมัติยาแพกซ์โลวิด (paxlovid) ของบริษัทไฟเซอร์ไปก่อนหน้านั้น 1 วัน (22 ธ.ค.)