สหรัฐอ่วม “โอมิครอน” บุกแล้ว 16 รัฐ งัดทุกมาตรการสกัดเร่งด่วน  

07 ธ.ค. 2564 | 05:10 น.

สหรัฐอเมริกาเป็นอีกประเทศที่กำลังถูกจู่โจมโดยไวรัสโควิดสายพันธุ์ "โอมิครอน" ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) เผย ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อไวรัสโอไมครอนแล้วใน 16 รัฐทั่วประเทศ เป็นการเพิ่มอย่างรวดเร็วในเวลาไม่ถึงสัปดาห์

ดร.โรเชล วาเลนสกี ผู้อำนวยการ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยกับสำนักข่าวเอบีซีนิวส์วานนี้ (6 ธ.ค.) ว่า ขณะนี้ สหรัฐพบผู้ติด เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ “โอมิครอน” (Omicron) แล้วอย่างน้อยใน 16 รัฐ หรือคิดเป็นพื้นที่ 1 ใน 3 ของประเทศ

 

"เราทราบว่าสหรัฐมีผู้ป่วยหลายราย และเราได้ติดตามอาการของพวกเขาอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม เราได้รับรายงานทุกวันว่ามีความเป็นไปได้ที่จะพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ฉะนั้น ตัวเลขผู้ติดเชื้อจึงอาจเพิ่มขึ้นได้อีก"

 

อีกข้อมูลที่สร้างความกังวลใจก็คือ รายงานระบุว่า ผู้ติดเชื้อจำนวนมากเป็นผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว โดยพวกเขามีอาการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

1 ใน 3 ของพื้นที่ประเทศเจอโอมิครอนบุก   

ทั้งนี้ 16 รัฐของสหรัฐที่ได้รับรายงานการติดเชื้อไวรัสโอมิครอนแล้ว ได้แก่

  • แคลิฟอร์เนีย
  • โคโลราโด
  • คอนเนตทิคัต
  • ฮาวาย
  • ลุยเซียนา
  • แมริแลนด์
  • แมสซาชูเซตส์
  • มินนิโซตา
  • มิสซูรี
  • เนบราสก้า
  • นิวเจอร์ซีย์
  • นิวยอร์ก
  • เพนซิลเวเนีย
  • ยูทาห์
  • วอชิงตัน
  • วิสคอนซิน

 

อย่างไรก็ดี  ดร.วาเลนสกีระบุว่า แม้จะพบการระบาดมากขึ้นของไวรัสโควิดโอมิครอน แต่สิ่งที่น่ากังวลขณะนี้ยังคงเป็นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ “เดลตา” เนื่องจากในบรรดายอดผู้ป่วยใหม่กว่า 99.9% เป็นการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลต้า

สหรัฐอ่วม “โอมิครอน” บุกแล้ว 16 รัฐ งัดทุกมาตรการสกัดเร่งด่วน  

เตือนพลเมืองงดเดินทางไปประเทศพื้นที่เสี่ยง

จากสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ CDC แนะนำชาวอเมริกันไม่ให้เดินทางไปยังประเทศฝรั่งเศส จอร์แดน โปรตุเกส และแทนซาเนีย เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ที่เพิ่มมากขึ้นในประเทศเหล่านี้

 

ปัจจุบัน CDC ได้กำหนดให้ 83 ประเทศจุดหมายปลายทาง อยู่ในคำแนะนำการเดินทาง "ระดับ 4: ความเสี่ยงสูงมาก" และเมื่อวานนี้ (6 ธ.ค.) ได้เพิ่มประเทศอันดอร์รา ไซปรัส และลิกเตนสไตน์ ให้อยู่ในระดับเตือนภัยการเดินทางขั้นสูงสุด

 

ทั้งนี้ รัฐบาลฝรั่งเศสประกาศวานนี้ (6 ธ.ค.) ว่าจะปิดไนต์คลับก่อนช่วงคริสต์มาสและคุมเข้มมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมเพื่อรับมือกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน แต่ก็เน้นว่า ไม่มีความจำเป็นต้องล็อกดาวน์หรือประกาศคำสั่งเคอร์ฟิวรอบใหม่

 

นายฌอง กัสเต็กซ์ นายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศสเปิดเผยว่า การระบาดของโรคโควิดระลอกที่ 5 กำลังพุ่งสูงขึ้น แต่เนื่องจากมีประชาชนได้รับวัคซีนไปแล้ว 52 ล้านคนในขณะนี้ ซึ่งคิดเป็นเกือบ 90% ของผู้มีสิทธิ์ฉีดวัคซีน จึงทำให้สถานการณ์ดีขึ้นกว่าการระบาดครั้งก่อน ๆ

ต้องตรวจหาเชื้อเพิ่มหลังออกเดินทาง

สหรัฐเองออกกฎใหม่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 6 ธ.ค.กำหนดให้ผู้เดินทางโดยเครื่องบินจากต่างประเทศมายังสหรัฐ จะต้องเข้ารับการตรวจโควิด-19 โดยมีผลเป็นลบภายใน 1 วันหลังจากวันออกเดินทาง ซึ่งตามกฎก่อนหน้านี้ ผู้เดินทางโดยเครื่องบินจากต่างประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วสามารถแสดงผลการตรวจเป็นลบที่ได้รับภายใน 3 วันหลังจากวันออกเดินทาง

 

นอกจากนี้ นางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวแถลงว่า มาตรการจำกัดการเดินทางจากประเทศในแถบแอฟริกานั้น จะมีการประเมินและหารือกันเป็นรายวัน

จุดตรวจหาเชืิ้อโควิด-19 แห่งหนึ่งในมหานครนิวยอร์ก

นครนิวยอร์กสั่งบริษัทเอกชนฉีดวัคซีนลูกจ้างภายใน 27 ธ.ค.

เพื่อเป็นการเร่งสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดโอมิครอนในสหรัฐ นครนิวยอร์กได้ประกาศให้ผู้ประกอบการภาคเอกชน “ทั้งหมด” ต้องสั่งให้พนักงานเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 เนื่องจากมีการตรวจพบไวรัสโอมิครอนแพร่กระจายไปแล้วอย่างน้อยใน 16 รัฐ

 

รายงานข่าวระบุว่า นครนิวยอร์กได้กำหนดให้ธุรกิจทั้งหมด 184,000 บริษัท ต้องสั่งให้พนักงานเข้ารับการฉีดวัคซีนภายในวันที่ 27 ธ.ค.นี้ เนื่องจากการฉีดวัคซีนเป็นหนทางที่ช่วยให้ทุกคนรอดพ้นจากโรคระบาด

 

“นี่เป็นมาตรการที่เด็ดขาดซึ่งใช้เป็นแห่งแรกในสหรัฐ เพื่อให้ชาวนิวยอร์กและชุมชนต่าง ๆ ปลอดภัย" นายบิล เดอ บลาซิโอ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กกล่าว ทั้งนี้ ตัวเขาเองกำลังจะพ้นจากตำแหน่งในเดือนม.ค.ปีหน้า

 

นอกจากนี้ นายเดอ บลาซิโอ ยังกล่าวว่า เด็กอายุ 5-11 ปี จะต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดสภายในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ จึงจะสามารถเข้าร้านอาหารและเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียนได้

 

ข้อมูลในเว็บไซต์ของนครนิวยอร์กระบุว่า เด็กที่อายุระหว่าง 5-12 ปี ประมาณ 27% ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อยหนึ่งโดส และได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้ว 15%

 

มาตรการดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ โดยเฉพาะรัฐทางตอนเหนือ เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงทำให้คนอยู่ในบ้านกันมากขึ้น

 

ด้านนายเอริก อดัมส์ ผู้ที่จะมาเป็นนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กคนต่อไป จะประเมินมาตรการบังคับฉีดวัคซีน และมาตรการอื่น ๆ เกี่ยวกับโควิด-19 เมื่อเข้ารับตำแหน่ง รวมถึงการตัดสินใจต่าง ๆ โดยยึดหลักวิทยาศาสตร์ ประสิทธิภาพ และคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขเป็นแนวทาง