“เบอร์ลิน” เดินหน้ารณรงค์ห้ามใช้รถยนต์ส่วนตัว

11 ต.ค. 2564 | 07:14 น.

กลุ่มองค์กรภาคประชาชนของนครเบอร์ลิน ล่ารายชื่อประชาชน 50,000 คนยื่นขอเปิดการทำประชามติ ขอให้ยุติการใช้รถยนต์ส่วนตัวในเขตนครเบอร์ลิน เมืองหลวงของเยอรมนี ผลสำรวจความเห็นของประชาชนชี้ 91% ระบุชีวิตจะมีความสุขมากขึ้น ถ้าไม่มีการใช้รถส่วนตัว

กลุ่มองค์กร Berlin Autofrei (เบอร์ลิน เอาโตฟรัย) หรือ “เบอร์ลินปลอดรถยนต์” เป็นกลุ่มองค์กรอิสระที่เคลื่อนไหวเพื่อรถณรงค์การห้ามใช้รถยนต์ส่วนตัวในเขตใจกลาง นครเบอร์ลิน เมืองหลวงของประเทศเยอรมนี ขณะนี้ทางกลุ่มได้ทำการล่ารายชื่อ ขอความสนับสนุนจากประชาชนได้จำนวนมากกว่า 50,000 รายชื่อแล้ว เพื่อยื่นเสนอต่อทางการให้เปิดการทำประชามติ (referendum) ขอให้เขตพื้นที่ตอนกลางของนครเบอร์ลิน เป็นเขตห้ามใช้รถยนต์ส่วนตัว ซึ่งหากความริเริ่มนี้ประสบผลสำเร็จเป็นรูปธรรม “เบอร์ลิน” ก็จะเป็นพื้นที่ปลอดรถยนต์ที่มีอาณาบริเวณกว้างใหญ่ที่สุดในโลก

 

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า แม้ว่าปัจจุบัน เบอร์ลินจะเป็นเมืองใหญ่ที่มีการใช้รถยนต์ส่วนตัวกันน้อยอยู่แล้ว แต่ข้อมูลทางสถิติชี้ให้เห็นว่า รถยนต์ส่วนตัวเหล่านี้ครองพื้นที่จอดคิดเป็นพื้นที่โดยรวมถึง 17ตารางกิโลเมตร และยังมีส่วนทำให้เกิดการจราจรหนาแน่นและติดขัดในนครเบอร์ลิน

“เบอร์ลิน” เดินหน้ารณรงค์ห้ามใช้รถยนต์ส่วนตัว

ทางกลุ่ม Berlin Autofrei ระบุว่า หากข้อเสนอได้รับการตอบสนองและถูกนำมาปฏิบัติเป็นรูปธรรม จะมีการยกเว้นให้สำหรับผู้พิการหรือผู้มีความบกพร่องทางสรีระร่างกายที่ทำให้จำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทาง นอกจากนี้ ผู้ให้บริการฉุกเฉิน ก็สามารถนำรถยนต์เพื่อบริการฉุกเฉินเข้ามาใช้ในเขตปลอดรถยนต์ หรือ เขต car-free zone ของนครเบอร์ลินได้ นอกนั้น กลุ่มเบอร์ลิน เอาโตฟรัย ยังเสนอให้ประชาชนสามารถเรียกใช้บริการรถเช่าในเขตนครเบอร์ลินได้ปีละ 12 ครั้ง หรือเฉลี่ยเดือนละครั้ง     

“เบอร์ลิน” เดินหน้ารณรงค์ห้ามใช้รถยนต์ส่วนตัว

นิค แคสเนอร์ ผู้นำโครงการรณรงค์ครั้งนี้ ให้ความเห็นว่า การห้ามใช้รถยนต์ส่วนตัวในเขตนครเบอร์ลินจะช่วยให้เยอรมนีสามารถบรรลุเป้าหมายในการการลด-เลิกปล่อยก๊าซคาร์บอนที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน ได้เร็วกว่าการใช้รถยนต์ไฟฟ้าด้วยซ้ำ โดยเขาเปรียบเทียบว่า เยอรมนีจำเป็นต้องเปลี่ยนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันให้เป็นยานยนต์ไฟฟ้าถึงครึ่งหนึ่งของที่มีอยู่ทั้งหมดภายในปีหน้า (2565) จึงจะสามารถบรรลุเป้าหมายที่กำหนดโดยรัฐบาลกลางในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากยวดยานพาหนะบนท้องถนน ซึ่งเมื่อพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ แล้วเชื่อว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลย เพราะในปัจจุบัน ยวดยานที่วิ่งอยู่บนท้องถนนในเยอรมนีนั้น มีเพียง 1.3% เท่านั้นที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า

“เบอร์ลิน” เดินหน้ารณรงค์ห้ามใช้รถยนต์ส่วนตัว

“ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่การลดจำนวนการใช้รถ ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงระบบการขับขี่จากรถเครื่องยนต์ใช้น้ำมันเป็นรถยนต์ไฟฟ้า” แคสเนอร์กล่าว และยังเผยถึงผลการสำรวจล่าสุดเมื่อเร็ว ๆนี้ของกระทรวงสิ่งแวดล้อม ที่พบว่า ชาวเบอร์ลินส่วนใหญ่ หรือ 91% เห็นว่าพวกเขาจะมีความสุขในชีวิตมากขึ้นถ้าไม่มีการใช้รถยนต์บนท้องถนน ปัจจุบัน มีคนเบอร์ลินเพียง 1 ใน 3 ของทั้งหมดเท่านั้น ที่มีรถส่วนตัวไว้ในครอบครอง